เวลา 11.00 น. เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม หรือ วีแฟร์ เดินทางมาที่พรรคพลังประชารัฐเพื่อทวงถามนโยบายรัฐสวัสดิการที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท มารดาประชารัฐ เงินเดือนนักศึกษาจบใหม่ 18,000 บาท เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ปี เบี้ยคนพิการ พรบ.บำนาญประชาชน ที่ภาคประชาชนได้เสนอกฎหมายไปยังสภา แต่ไม่ผ่านการรับรอง

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ผ่านมา 2 ปี รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำได้ แสดงถึงการไร้ความรับผิดชอบมุ่งสร้างความนิยมจากการตีตราความยากจน ทั้งจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเงินเยียวยา โควิด-19 และนายกรัฐมนตรีจะอ้างว่าไม่ทำไม่ได้เพราะเป็นผู้นำของรัฐบาลเมื่อประกาศนโยบายก็ต้องปฏิบัติตาม หากไม่ทำถือว่าผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258

ทั้งนี้เครือข่ายวีแฟร์ ได้ทำหนังสือขอเข้าพบผู้บริหารพรรคเพื่อยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการดำเนินนโยบาย แต่ไม่ได้รับการตอบรับ มีเพียงเจ้าหน้าที่มารับเรื่องไว้และได้เปิดปราศรัยบริเวณฟุตบาท ด้านหน้าที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน. พหลโยธิน มาดูแลความสงบเรียบร้อย

จากนั้นในช่วงบ่ายเครือข่ายวีแฟร์เดินทางมายื่นหนังสือต่อที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อทวงถามความคืบหน้าถึงนโยบายรัฐสวัสดิการที่เคยหาเสียงไว้ อาทิ นโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ ประกันรายได้แรงงาน เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยสวัสดิการ โครงการโฉนดสีฟ้า เงินอุดหนุนเด็ก 0-8 ปี เรียนฟรีมีงานทำ เป็นต้น โดยมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติส.ส.นครศรีธรรมราช และนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนรับเรื่อง

ด้านนายชินวรณ์ กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญเรื่องสังคมและรัฐสวัสดิการ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และเริ่มต้นนโยบายประกันสุขภาพที่ดูแลประชาชนมาถึงทุกวันนี้ ยืนยันว่ามีความคืบหน้าไปมาก และจะดำเนินแนวทางการเมืองที่เป็นธรรมาภิบาล และพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล ยกเว้นหมวด 1 หมวด 2

รวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ อีกทั้งแก้ไขเรื่องอำนาจ ส.ว. รวมถึงเรื่องสิทธิสวัสดิการและการกระจายอำนาจ และจะมีการแก้ไขกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ จากนั้นเครือข่ายฯได้เดินทางไปที่พรรคภูมิใจไทยเพื่อทวงถามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้เช่นกัน