เลือกตั้งและการเมือง
อดีตตุลาการ “จรัญ” เตือนอย่าเพิ่งโหวตวาระ 3 เชื่อ รธน.ใหม่ยิ่งชอบธรรม หากผ่านประชามติ 2 รอบ
โดย JitrarutP
12 มี.ค. 2564
325 views
ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุลอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีปัญหาข้อกฎหมายในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า สิ่งที่ทุกคนแสดงความเห็นกันอยู่ขณะนี้ เป็นเพียงคำสรุปของคำวินิจฉัยเท่านั้นยังไม่ใช่คำวินิจฉัยกลาง จึงขอให้ทุกคนรอวิเคราะห์จากคำวินิจฉัยกลางน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
แต่โดยความเห็นส่วนตัวเมื่อวิเคราะห์จากข้อเท็จจริงที่ศาลวินิจฉัยถือว่ามีความชัดเจนประการหนึ่งคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดำเนินอยู่ขณะนี้ไม่ใช่การแก้ไขในความหมายปกติ แต่เป็นการแก้ไขเพื่อให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่รัฐสภามีอำนาจดำเนินการได้แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่กำลังมีการแก้ไขอยู่นี้ก็มาจากการจัดทำประชามติของประชาชนแล้ว หากจะยกเลิกหรือยกร่างใหม่ก็ต้องขอความเห็นชอบจากประชาชนเสียก่อนซึ่งศาลยังพูดต่อไปด้วยว่า เมื่อได้รับความเห็นชอบให้มีการร่างรัฐธรรมนูญแล้ว และ ส.ส.ร.ได้ร่างเสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะถูกใจประชาชนหรือไม่ จึงต้องทำประชามติอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้ประชาชนรับรองการร่างรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้น ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่มีหลักการที่จะต้องทำประชามติ 2 ครั้ง คือ
-ครั้งแรก
ให้ประชาชนอนุมัติเห็นชอบว่าจะยอมถอนประชามติเดิมเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับหรือไม่
-ครั้งที่สอง ให้ประชาชนลงมติให้ความเห็นชอบรับรอง
อดีตตุลาการฯ
ยังกล่าวด้วยว่ากระบวนการนี้ถ้าหากจะมองว่าทำให้เสียเวลา
แต่ก็ถือว่าได้ประโยชน์ที่คุ้มค่า
เพราะจะเป็นรัฐธรรมนูญของคนไทยครั้งแรกที่มีฐานมาจากความชอบธรรมเป็นอย่างมากและจะเป็นรัฐธรรมนูญที่มั่นคง
หากจะมีการปฏิวัติขึ้นอีกในอนาคตถือว่าอันตรายมาก เพราะจะไม่ใช่แค่การล้มล้างรัฐบาล
ล้มล้างรัฐสภา อย่างที่เคยเป็น แต่จะเป็นการล้มล้างอำนาจของประชาชนด้วย
ต่างจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านๆมาที่ถูกล้มล้างได้ง่ายเพราะไม่มีความมั่นคงเพียงพอ
ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ควรทำให้มั่นคงไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งได้ว่าดำเนินการมาอย่างไม่ถูกต้อง
ยอมเสียเวลาทำตามที่ศาลวินิจฉัย เพราะถือว่าศาลวินิจฉัยไว้ลึกซึ้งมาก
และคิดว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่จะทำให้รัฐธรรมนูญมีความยั่งยืน
อดีตตุลาการฯ มองว่า
อีกปัญหาสำคัญที่เป็นคำถามต่อมาคือ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่ผ่านวาระ
1-2 มาแล้ว จะถือว่าเป็นโมฆะหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า วาระ 1-2
เป็นกระบวนการภายในของรัฐสภา การแก้ไขยังไม่ได้เกิดขึ้น
แต่เมื่อใดที่ปล่อยให้ผ่านวาระ3 ไปได้จะถือว่าไม่ถูกต้อง
ดังนั้นควรต้องรอการลงมติวาระ3 ไว้ก่อนและใช้เวลาระหว่างนี้รีบทำประชามติตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
เพราะเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เข้ามาแทรกแซงเองแต่เป็นเพราะรัฐสภาส่งเรื่องขอให้ศาลวินิจฉัยให้และศาลก็ไม่ได้บอกว่าที่ทำมาแล้วใช้ไม่ได้
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปตีความอะไรแล้ว
เพราะมีหลักการอยู่แล้วว่า กระบวนการอะไรก็ตามที่ยังทำไม่เสร็จมันคือกระบวนการภายในขององค์กรนั้นเพราะฉะนั้น
วาระที่ 1-2 ยังไม่ถือว่าเสียไป แต่ขอว่าอย่าไปโหวตวาระ 3ถ้าโหวตวาระ 3
เมื่อไหร่ขัดรัฐธรรมนูญทันที
และหากฝ่ายการเมืองเห็นตรงกันว่าสองวาระแรกเป็นเรื่องภายในของรัฐสภายังไม่ได้เป็นการแก้ไข ก็ต้องรีบจัดทำประชามติและเสนอกฎหมายประชามติโดยเร็ว ถ้าประชาชนมีมติว่าให้ทำได้ รัฐสภาก็เดินหน้าโหวตวาระ3ไปต่อได้
และไม่ทำให้ไม่เสียเวลามาก
อย่าลืมว่ากว่าจะผ่านวาระ 1-2 มาได้เราใช้เวลาเกือบ 2ปี ยอมเสียเวลาไปอีกเล็กน้อยอย่าไปคิดแค่ว่าฝ่ายใดจะได้ประโยชน์
หรืออยู่ในอำนาจนานไป หรือฝ่ายใดจะเสียโอกาสเพราะวิธีการหักด้ามพร้าด้วยเข่า
จะเอามาใช้กับระบอบการปกครองไม่ได้ เพราะจะทำให้ฝ่ายที่แพ้เขาไม่ยอม แล้วต่อไป
และจะกลับมาหักด้ามพร้าด้วยเข่าคืน จนวนเวียนอยู่ในทางการเมืองแบบนี้
และอย่าคิดแค่ว่าทำไมการร่างรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติถึง
2ครั้งทำไมทำครั้งเดียวไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะลงหลักปักฐานให้แก่ระบบการปกครองที่จะเป็นประโยชน์ให้มั่นคงต้องทำให้ละเอียด
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ส่วนตัววิเคราะห์จากฐานคิดในประกาศของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้
แต่ยังต้องพิจารณาจากคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมาด้วยว่ามีรายละเอียดอย่างไร
ธีรวัฒน์ ซ้วนตั้น
ทีมข่าวการเมือง