เลือกตั้งและการเมือง
'ปริญญา' ค้านแก้ปัญหาคนล้นคุก ด้วยการสร้างคุกเพิ่ม – สมศักดิ์ ปัดเสนอแยกเรือนจำนักโทษการเมือง
โดย thichaphat_d
10 มี.ค. 2564
137 views
วานนี้ (9 มี.ค.) ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์แสดงความเห็นทางวิชาการ
กรณีแนวร่วมราษฎรไม่ได้รับการประกันตัวในคดีจัดการชุมนุมว่า
การได้รับการประกันตัวในคดีอาญาหรือที่กฎหมายใช้คำว่า
“ปล่อยชั่วคราว” นั้นเป็นสิทธิตามกฎหมายของผู้ต้องหาและจำเลยทุกคน
ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้ในมาตรา 107
ว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนพึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
แม้ว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 108/1
ศาลจะมีดุลพินิจสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวได้ แต่สิ่งที่บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมอาจจะลืมไปคือ
ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์นั้น หากศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหา
หรือจำเลยจะถูกเอาไปขังไว้ในเรือนจำกับนักโทษที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
และจะถูกปฏิบัติเหมือนกับนักโทษแทบจะทุกประการ
และนี่คือปัญหาใหญ่มาก เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 29
วรรคสอง บัญญัติว่า ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดกระทำความผิด
จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้น เสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้
การเอาบุคคลซึ่งยังเป็นแค่ผู้ต้องหาหรือจำเลยไปขังไว้ในเรือนจำรวมกับนักโทษ
ก็คือการปฏิบัติกับเขาเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดแล้ว
ซึ่งย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง
ดังนั้น หากศาลท่านจะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ก็ต้องสั่งให้ไปกักขังในที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ
และให้ปฏิบัติต่อเขาแบบคนที่ยังไม่ถูกศาลพิพากษาด้วยครับ หรือไม่งั้นก็ต้อง
อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้เขาสู้คดีนอกคุก อย่างหนึ่งอย่างใด
หาไม่แล้วจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสอง
ที่คุ้มครองประชาชนทุกคนไม่ให้ถูกปฏิบัติเยี่ยงนักโทษก่อนศาลพิพากษา
ด้วยความเคารพครับ
สนับสนุนแถลงการณ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ที่ขอให้คำนึงถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกจับกุม
ในเวลาต่อมา ผศ.ดร.ปริญญา ได้ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวช่อง
3
แสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิดสร้างเรือนจำเพิ่มสำหรับนักโทษคดีการเมืองเพื่อลดความแออัด
โดยระบุว่าทางที่ดีควรลดจำนวนคนที่จะเข้าไปอยู่ในคุก
ที่สำคัญต้องไม่นำจำเลยหรือผู้ต้องหาที่คดียังถึงที่สุดเข้าไปอยู่ในเรือนจำเช่นเดียวกับผู้ที่คดีสิ้นสุดแล้ว
เพราะขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 29
ที่ระบุว่าในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด
และก่อนจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด จะปฏิบัติกับบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้
หากสามารถนำผู้ต้องหาหรือจำเลยส่วนนี้ออกมาจากในคุกได้จะลดผู้ต้องขังได้ถึงประมาณ 60,000
คนหรือประมาณ 20%
ของผู้ต้องขังทั้งหมด
ทั้งนี้ ดร.ปริญญา
เสนอให้มีสถานที่กักตัวสำหรับผู้ต้องหาและจำเลยที่คดียังไม่ถึงที่สุด โดยอาจจะเริ่มจากคดีการเมืองก่อนก็ได้
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม
ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการขยายเรือนจำสำหรับนักโทษการเมืองโดยเฉพาะ ว่า
ไม่ใช่แนวคิดของตน ไม่มีการแยกประเภทของนักการเมือง
ยังไม่มีใครให้นโยบายอะไรที่เกี่ยวข้องเลย ทั้งนี้ ตอนนี้นักโทษเยอะ
ต้องแยกไปอยู่หลายที่ แต่ญาติผู้ต้องขังหลายคนก็อยากให้อยู่ใกล้บ้าน
โดยก็ต้องให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นคนบริหารจัดการ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่าเคยมีกระทู้ถามในสภาฯเรื่องของเรือนจำเอกชนนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนก็ได้บอกให้ไปศึกษาเรื่องดังกล่าวก่อน สมัยนี้ทำอะไรต้องรับฟังความคิดเห็นหลายรอบ หลายครั้ง บางครั้ง 3 ครั้งก็ยังไม่พอตามกรอบรัฐธรรมนูญ ตนยังบอกให้ไปทำอีก 2 ครั้งจะได้ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/hyTYiYDaM_Y
แท็กที่เกี่ยวข้อง สมศักดิ์ เทพสุทิน ,เรือนจำ ,ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ,นักโทษการเมือง