เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' ลาสภา เผยอาจเป็นอภิปรายครั้งสุดท้าย ในชีวิตการเมือง ก่อนซัด รบ.'ไร้วาระ ไร้วิสัยทัศน์ ไร้ผลงาน'

โดย nattachat_c

5 เม.ย. 2567

2.3K views

‘พิธา’ ลาสภา เปิดใจ อภิปราย ม.152 อาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมือง ลั่นยิ่งยุบพรรค ยิ่งทำให้ไปถึงเส้นชัยเร็วมากขึ้น แนะ 3 ข้อถึง ‘เศรษฐา’  ปลุกภาวะผู้นำ “ปรับ ครม. – มีโรดแม็พ – ฟังให้มากขึ้น” ขิงไม่เคยเสียใจ แม้ชนะเลือกตั้งแต่ไม่ได้บริหารประเทศ แต่เสียดายโอกาส-เวลา-ศรัทธาประชาชน


การอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตาม ม.152 วันที่สอง ล่วงเข้าสู่วันใหม่ เวลา 01.16 น. ของวันศุกร์ที่ 5 เม.ย. 67 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายเป็นคนสุดท้าย ภายหลังจากสมาชิกอภิปรายมาครบ 2 วัน ตามกรอบเวลาที่ได้ตกลงกัน


นายพิธา อภิปรายว่า ตนขอเริ่มต้นด้วยการพูดถึงความในใจเล็กน้อย ว่า ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา ตนไม่เคยเสียใจเลย ที่ตนไม่ได้เป็นพวกที่ได้บริหาร ถึงแม้ตนจะชนะเลือกตั้ง สามารถรวบรวมเสียงได้ 312 เสียง ก็ไม่ได้น้อยไปกว่า 314 เสียงที่ท่านมี


ไม่เคยเสียใจด้วยที่มาเป็นฝ่ายค้าน เพราะตนก็เชื่อว่าเป็นฝ่ายค้านนั้น มีความสำคัญต่อระบอบประชาธิปไตย การเป็นฝ่ายค้านก็สามารถทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้ สุขภาพของประชาธิปไตยไม่ได้วัดอยู่ที่รัฐบาลนั้นมีอำนาจเบ็ดเสร็จแค่ไหน แต่อยู่ที่ฝ่ายค้านแทน Active แค่ไหน


“ผมไม่เคยเสียใจด้วยว่า การอภิปรายในครั้งนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมืองของผม ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องความลับอะไร ทุกคนทราบดีอยู่ว่า ชีวิตทางการเมืองของผมตอนนี้ แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ผมพร้อมที่จะเดินจากไปอย่างผู้ชนะ  ไม่ได้มีอะไรติดค้างใจต่อไป


อย่างที่ได้เห็น เพื่อน สส.ข้าง ๆ ผม อยู่รอบตัวผม ก็รู้สึกเบาใจ ไม่ได้ค้างคาใจอีกต่อไป และผมก็มั่นใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคของผม การยุบพรรคไม่ได้ทำให้การเดินทางของประเทศไทยเปลี่ยนแปลง ยิ่งยุบ ยิ่งทำให้เราไปถึงเส้นชัยได้เร็วมากขึ้นด้วยซ้ำไป


แต่ถึงผมจะไม่เสียใจ แต่ผมเสียดาย จริง ๆ รับฟังการชี้แจงของคณะรัฐมนตรี เมื่อ 2 วัน ที่ผ่านมา รู้สึกเสียดายโอกาสของประเทศไทย เสียดายเวลาที่ประเทศไทยต้องเสียไป เสียดายศรัทธาของพี่น้องประชาชน เสียดายคะแนนเสียงที่เคยให้ไป


ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยโหวตพรรคอื่นนอกจากพรรคของท่าน แต่มาถึงวันนี้ ความสะเปะสะปะ ความล่องลอย ผมฟังแล้วไม่รู้ว่าวาระของรัฐบาลชุดนี้คืออะไร ที่หาเสียงไว้ก็ไม่ได้ทำ … จนทำให้ผมรู้สึกว่ารัฐบาลชุดนี้ ไร้วาระ ไร้วิสัยทัศน์ ไร้ผลงาน”  


นายพิธา แบ่งการอภิปรายออกเป็น 3 ส่วน คือ สรุป สะสาง และเสนอแนะ


ส่วนแรกเป็นการสรุป ตนกังวลว่า วิสัยทัศน์ 8 ฮับของรัฐบาล คือ ความมืด 8 ด้านของประชาชน Ignite Thailand จะเป็น Darkness Thailand


“มืดเรื่องปากท้อง มืดเรื่องส่วย มืดผูกขาด มืดกระตุ้นเศรษฐกิจ มืดแก้ไขรัฐธรรมนูญ มืดปฏิรูปของไทย มืดมนคุณภาพชีวิต มืดกระบวนการยุติธรรม ประชาชนคนไทยตอนนี้มืด 8 ด้าน ที่ทั้งล้มเหลว ล่าช้า และละเลย” นายพิธา กล่าว

--------------

จากนั้น เวลา 02.03 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ได้กล่าวขอขอบคุณประธานและสมาชิกที่ได้ร่วมอภิปราย ตามมาตรา 152 ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญของการทำหน้าที่ สส.ตามรัฐธรรมนูญ และใช้กระบวนการรัฐสภา เพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร


สำหรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ รัฐบาลขอรับไว้ด้วยความขอบคุณ และจะได้นำข้อห่วงใยเหล่านั้น ไปประกอบการพิจารณา ปรับปรุงการดำเนินงานของทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนมีความสุข ลดความเหลื่อมล้ำ และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป


จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้กล่าวขอบคุณสมาชิก และวิป ทั้ง2 ฝ่าย และได้สรุปผลงานสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ 12 ธ.ค. 2566 – 9 เม.ย. 2567


จากนั้น ได้อ่านพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม และสั่งปิดการประชุมในเวลา 02.15 น. รวมเวลาอภิปรายทั้งสิ้น จำนวน กว่า 36 ชั่วโมง

-------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lmhiGR6DUhU


คุณอาจสนใจ

Related News