ข่าวโซเชียล

'ป๋องแป๋ง' อินฟลูสายวิทย์ฯ เคลื่อนไหวแล้ว หลังสาวแฉคุกคามร่างกาย-จิตใจ จนเป็นโรค PTSD

5 ธ.ค. 2566

99 views

กลายเป็นโพสต์ไวรัลถกสนั่น เมื่อมีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งออกมาโพสต์ เตือนภัย พฤติกรรมของบุคคลในวงการวิทยาศาสตร์ซึ่งโด่งดังถึงขั้นถูกยกให้เป็นไอดอลในด้านนี้ว่า มีพฤติกรรมคุกคามทั้งร่างกายและจิตใจ ซ้ำหนักมีเหยื่อที่เคยเจอลักษณะเดียวกัน


เป็นเหตุให้เจ้าของโพสต์ออกมาเตือนภัยเพื่อไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับใครอีก ทั้งยังต้องการที่จะทวงคืนความยุติธรรม และหวังว่าสังคมจะให้บทเรียนกับ ‘ไอดอลวิทยาศาสตร์’ คนดังกล่าว


เธอโพสต์เรื่องราวใจความว่า หลังจากที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ก็ตัดสินใจอยู่นานว่าจะออกมาพูดดีไหม เพราะตัวเธอเองก็ยังคงจมอยู่กับการโทษตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองผิดและไร้ค่า ทั้งยังร้องไห้ทุกวัน จนสภาพจิตใจพัง


โดยเธอเผยว่าเคสของเธอน่าจะหนักที่สุด เพราะอดทนกับ ‘ไอดอลวิทยาศาสตร์’ นานกว่าคนอื่นๆ จากคำพูดของ ‘เขา’ ว่า พี่ยอมใจเธอเลย เธอเป็นเด็กที่อดทนกับพี่ได้นานที่สุดตั้งแต่พี่เคยเจอมา”


หลังจากได้คุยกับคนรอบตัวทั้งในและนอกวงการวิทยาศาสตร์ก็พบคำตอบทำนองเดียวกัน เธอจึงตัดสินใจออกมาแชร์ประสบการณ์ทั้งหมด เพื่อเป็นการเตือนภัยผู้หญิงคนอื่น ๆ โดยแชร์เรื่องราวว่า


“เราไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับผู้หญิงได้มากขนาดนี้ อยากเซฟความรู้สึกน้อง ๆ ที่เคยเจอเรื่องราวที่โหดร้าย รุนแรง ด่าทอ ต่อว่าให้อาย ถูกลดทอนศักดิ์ศรีและด้อยค่าความเป็นมนุษย์ ถูกทำลาย identity หรืออัตลักษณ์ของเหยื่อ ให้รู้สึกไม่เหลือความเป็นคน จนนำไปสู่การคิดจบชีวิต”


“เราพบว่ามีผู้หญิงหลายคนที่โดนแบบนี้เหมือนเรา ผู้หญิงบางคนรู้สึกโดนคุกคามทางร่างกายและจิตใจ ทักไปจีบ ทักหา โทรมาตอนกลางคืนทุกวัน รวมถึงรุ่นพี่ในคณะเราและคนอื่นๆ หลังไมค์มาก็โดนด้วยค่ะ (ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ)”


เราเพิ่งรู้ความจริงปีนี้เลยพยายามเก็บข้อมูลและทบทวนอย่างหนัก พยายามถามเขาว่ามันคือเรื่องจริงรึเปล่า คุณทำจริงรึเปล่า แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงไปตรงมาสักครั้ง แถมบ่ายเบี่ยง ปกปิด และบิดเบือนความจริงกับเรา”


พร้อมทั้งย้ำเตือนว่า “อยากเตือนน้อง ๆ หรือคนรอบตัวจริง ๆ ค่ะ คนคนนี้มาในรูปแบบของไอดอล คนฉลาดมีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ พูดจาน่าฟัง มีหลักการ แม้แต่เด็กโอลิมปิก หรือคนระดับ PhD หรือป.เอก รวมถึงอาจารย์หลายๆ คนยังมองเขาไม่ออก (พี่ๆมาคุยกับเรา)”


“มารู้ตัวอีกทีก็โดนเขาเล่นงาน และจิตใจพังกันแล้ว” พร้อมทั้งยืนยันเรื่องราวทั้งหมดอีกด้วยว่า “เรายืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง” ทั้งยังเสริมว่า “เรายังไม่เจอเหยื่อที่ถูกข่มขืนหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศนะคะ แต่การที่เราไม่เจอไม่ได้แปลว่าจะไม่มี


“เพราะขนาดคนที่เจอเคสเหมือนเรายังกลายเป็น PTSD (เป็นอาการที่เราเคยปากสั่น ตัวสั่นและพูดว่ากลัวแล้วๆๆ เหมือนคนบ้าไปพักนึง หลังจากที่โดนเขา gaslight ตอนกระหน่ำโทรมา) ผู้หญิงบางคนต้องหนี และกลัวเขา กลายเป็นฝันร้ายไปตลอดชีวิต”


โดยเธอเผยว่ารู้จักและสนิทสนมกับ ‘ไอดอลวิทยาศาสตร์’ มานาน เขาค่อนข้างรู้กฎหมาย จึงเป็นเหตุให้ไม่เกรงกลัวเมื่อทำพฤติกรรมสุดฉาวนี้


อย่างไรก็ดี เหตุผลที่เธอออกมาแชร์เรื่องราวดังกล่าวไม่ได้ต้องการให้ชายรายนี้ติดคุก เพียงแต่ต้องการให้สังคมให้บทเรียนแก่เขา และเพื่อขอความยุติธรรมระหว่างผู้กระทำผิดและผู้เสียหาย ทั้งยังต้องการให้สังคมตั้งคำถามว่ามันจริงเท็จแค่ไหน ทั้งพยาน ผู้เห็นเหตุการณ์และผู้เสียหาย


ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องการให้ หลายๆ องค์กรตรวจสอบพฤติกรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณของผู้ชายคนนี้ คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นอาจารย์ หรือนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ถึงการวางตัวไม่เหมาะสมระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ หรือการคุมคามทางเพศและจิตใจ ควบคุม หลอกใช้ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายกับเด็กและผู้หญิง


เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลทันที ทั้งยังมีบุคคลในวงการวิทยาศาสตร์เข้ามาคอมเมนต์ร่วมส่งกำลังใจด้วย อาทิ ดร.แทนไท ประเสริฐกุล อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล, ผศ.ดร.ป๋วย อุ่นใจ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป

-------------
เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) เพจ THE STANDARD ออกแถลงการณ์ เรื่อง การยุติและระงับการเผยแพร่รายการ ‘ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์’ ระบุว่า


“จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘นักสื่อสารวิทยาศาสตร์’ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างนั้น บริษัท THE STANDARD ในฐานะผู้ผลิตรายการ ‘ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์’ ขอเรียนแจ้งว่า บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นการภายในอย่างเร่งด่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


โดย THE STANDARD มีข้อสรุปและมาตรการ ดังนี้


1.ยุติการเผยแพร่รายการ ‘ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์’ โดยมีผลทันที


2.ระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวในทุกช่องทาง โดยมีผลย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน

3.ยุติการร่วมงานกับบุคคลดังกล่าว

4.สำหรับพนักงานที่ได้รับผลกระทบ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจ และมีมาตรการเยียวยาอย่างรอบด้านตามกระบวนการที่เหมาะสม

5.หากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทฯ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือตามกระบวนการ


THE STANDARD ยึดถือหลักการเกี่ยวกับการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งร่างกายและจิตใจในทุกรูปแบบ


ทั้งนี้ THE STANDARD ได้ดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้กรอบของธรรมาภิบาลที่ดี มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ โดยมีนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมข้อที่ 3 ของนโยบายบริษัทฯ คือการเคารพสิทธิมนุษยชน กล่าวคือ บริษัทมีนโยบายสนับสนุนและเคารพการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยการปฏิบัติต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ชุมชน และสังคมรอบข้าง ด้วยความเคารพในคุณค่าของความเป็นมนุษย์”

--------------

ต่อมา อาจวรงค์ ป๋องแป๋ง จันทมาศ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า


เนื่องด้วยเหตุการณ์ call out มากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้


สืบเนื่องจากที่น้องผู้หญิงคนหนึ่งพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผม


เป็นเหตุให้เกิดผลกระทบออกไปในวงกว้างทั้งในสังคมออนไลน์และในสังคมรอบตัวผมขณะนี้


ผมจะใช้ช่องทางนี้เพื่ออธิบายให้ทุกคน ทั้งที่รักผมหรือเกลียดผม เข้าใจนะครับ ผมก็แค่คนๆหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มีความบกพร่องในเรื่องต่างๆ โดยที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาทั้งชีวิตผม สิ่งหนึ่งที่ผมตระหนักได้ในวินาทีนี้ว่ามันส่งผลกระทบกับคนอื่นมาก ๆ คือ คำพูด ของผมเอง


ผมเป็นคนพูดจาไม่ดี เวลาผมใช้อารมณ์ หรือด่าทอใคร ผมมักจะใช้พูดที่รุนแรงมาก มากเกินไปจริง ๆ  แม้จะรู้ว่ามันทำให้คนฟังรู้ยึกแย่ แต่ผมไม่ได้ตระหนักว่ามันจะทำให้คนฟังรู้สึก ถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถูกทำลายตัวตนหรืออัตลักษณ์ของคนๆนั้น จนทำให้รู้สึกไม่เหลือความเป็นคน จนสิ่งที่ผมทำมาตลอดกลับมาสะท้อนและส่งผลกับตัวผมเองในวันนี้


หลายคนรอบตัวผมที่ยังเป็นห่วงผม ยังคอยให้กำลังใจผม คอยปลอบโยนผม ต่างคอยบอกว่ามันไม่ใช่ขนาดนั้น แต่ผมยืนยันครับ ว่าวันนี้ผมรู้ดี ว่าสิ่งเลวร้ายเหล่านี้มันเป็นเรื่องจริง ส่งผลกับคนอื่นจริง ๆ และผมต้องยอมรับผลของมันให้ได้


ผมรู้ดีว่าการขอโทษ มันอาจไม่ได้ช่วยให้คนหลาย ๆ คนที่ผมเคยพูดจาทำร้ายจิตใจ กลับมารู้สึกดีขึ้นมาได้ แต่ผมก็หวังว่าเค้าเหล่านั้นจะรับรู้ว่า ผมได้รับผลจากสิ่งที่ผมทำแล้ว ผมอยากกล่าวขอโทษจากใจจริงถึงสิ่งที่ผมเป็น สิ่งที่ผมทำ ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ กับคนเหล่านั้น


อยากขอโทษเพื่อนร่วมงานทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่การกระทำของผมทำให้ทุกคนต้องเดือนร้อน  อยากขอโทษน้องผู้หญิงคนนั้นและอีกหลายคนที่คำพูดของผมมันทำร้ายและส่งผลเสียอย่างที่สุดต่อเค้าเหล่านั้น และสุดท้ายผมอยากขอโทษสังคมที่เคยตั้งความหวังไว้กับคนอย่างผม แต่ก็ถูกผมเองนี่แหละที่ทำลายความหวังเหล่านั้น บรรดาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ผมขอโทษจากใจจริงครับ


อีกเรื่องที่ผมไม่สามารถปล่อยให้มันเงียบหายไปได้เหมือนที่ใครหลายคนแนะนำหรือที่ผมถูกกล่าวหาในตอนนี้ คือ พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ ลวนลาม หรือการข่มขืนกระทำชำเรา ผมขอยืนยันตรงนี้เลยว่าผมไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้กับใครทั้งสิ้น และไม่เคยกระทำเช่นนั้นกับใคร แต่ผมก็ยอมรับครับว่า ที่ผ่านมาผมก็ชอบใช้คำพูดคำจาที่ไม่เหมาะสม หรือมีพฤติกรรมที่ชวนให้เข้าใจไปในทางที่ว่าผมกำลังจีบ หรือกำลังชอบพอใครหลาย ๆ คน ไปบ้าง แม้ระยะหลังมันก็ค่อย ๆ ลดลงตามคุณวุฒิและวัยวุฒิของเรา


ผมเข้าใจว่ามันไม่ได้ทำให้สิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดไปในอดีตเลื่อนหายไปได้


ผมจึงขอใช้โอกาส ณ ที่นี้ กล่าวขอโทษทุกคนจากใจจริงครับ และผมยืนยันว่า มันจะไม่เกิดขึ้นอีก


ในวินาทีนี้ ผมได้ตระหนักรู้จากตัวผมเองถึงผลกระทบของสิ่งเหล่านี้อย่างแท้จริง ถึงแม้ผมต้องสูญเสียงานที่ผมรัก ต้องสูญเสียคนใกล้ตัวหลายคนที่รับมันไม่ได้ ต้องสูญเสียโอกาสหลายอย่างในชีวิต ผมก็รับรู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดีครับว่ามันเทียบไม่ได้จริง ๆ กับสิ่งที่บรรดาคนเหล่านั้น เคยสูญเสียเพราะคำพูดของผม แต่อย่างน้อยมันก็ได้ทำให้ผมได้รู้ว่าผมผิดจริง ๆ ในเรื่องนี้


ในวันนี้ผมทราบดีครับว่า แม้ผมจะรับรู้ยังไงหรือรู้สึกผิดแค่ไหน มันก็อาจไม่ได้ช่วยให้อะไร ๆ มันดีขึ้นมาเลย  สิ่งเดียวที่ผมอาจทำได้ตอนนี้ อาจไม่ใช่การขอโทษ แต่คือการปรับปรุงคำพูดและแนวความคิดของผมให้ดีขึ้น เพื่อไม่ทำให้ต้องมีใครถูกทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดของผมอีก และสิ่งนี้จะเป็นเป้าหมายในชีวิตผมต่อไป


ใด ๆ ก็ตามที่ผมผิดไป ผมขอกราบขอโทษจากใจจริงครับมา ณ ที่นี้ครับ


อาจวรงค์

--------------
















รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Pspn5k293_8

คุณอาจสนใจ