ต้องแก้อย่างไร? เจ้าของเป็นท้อ รถน้ำท่วม เจอโคลนเต็มคัน

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก โต้ง เอมสวรรค์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Civic FC & FK Club Thailand ได้โพสต์ภาพรถยนต์ที่เสียหายจากเหตุน้ำท่วม เมื่อเปิดกระโปรงหน้ารถพบว่าเต็มไปด้วยดินโคลน พร้อมระบุข้อความว่า “ต้องแก้ยังไงครับ ...”

ทำให้มีชาวโซเชียลเข้ามาให้กำลังใจ และให้คำแนะนำจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แนะนำว่าห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด และควรรีบติดต่อประกัน อาทิ

-ห้ามสตาร์ทรถนะครับ การสตาร์ทจะให้น้ำและโคลนที่ค้างในระบบเข้าไปทำให้เครื่องยนต์เสียหายหนักขึ้น และทำให้กล่อง ecu เสียด้วยครับ

-ถ้ารถมีประกันประเภท 1 รีบแจ้งประกัน (ห้ามสตาร์ทหรือออนสวิทช์) แต่ถ้าไม่มีประกัน แนะนำหาอู่ที่ไว้ใจได้

สำหรับหลักปฏิบัติเบื้องต้น หากรถถูกน้ำท่วม

-ติดต่อประกัน ถ่ายรูปบันทึกความเสียหาย แจ้งบริษัทประกันรถยนต์มาตรวจเช็กสภาพรถ

-ติดต่อบริการลากรถ อย่าพยายามเคลื่อนย้ายรถเอง หากไม่มีความจำเป็น

-ถ่ายของเหลวทุกชนิด เนื่องจากน้ำอาจปนเปื้อนทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ชี้แจงระดับความเสียหายกรณีรถโดนน้ำท่วม บริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าซ่อมระดับไหน? แบ่งได้ 5 ระดับดังนี้

ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท

ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท

ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท

ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป

ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์

ส่วนขั้นตอนการเคลมค่าเสียหายรถถูกน้ำท่วม คปภ. แจ้งว่า ผู้เอาประกัน หรือญาติของผู้เอาประกัน ตรวจสอบรถตนเองว่าทำประกันไว้กับบริษัทไหน และโทร. ติดต่อบริษัทดังกล่าว จากนั้นแจ้งขอเคลมค่าเสียหายได้ทันที โดยส่วนใหญ่ประกันชั้น 1 จะครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วม แต่ประกันชั้น 2 และชั้น 3 ผู้เอาประกันจะตรวจสอบก่อนว่ากรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้กับบริษัทประกันให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th