สังคม

สาวสิ้นหวัง รถ EV น้ำเข้าแบตพัง ประกันดองเคลมไม่ยอมจ่าย แนะตากแดด ด้านประกันแจงจะเร่งดำเนินการ

โดย nicharee_m

6 ก.ย. 2567

16K views

สาวร้อง!! รถยนต์ไฟฟ้าแบตพัง ประกันดองเคลม ให้ตามเรื่องเอง ด้าน Neta แจ้งประกันไปแล้วให้เปลี่ยนแบต ประกันแจงจะรีบดำเนินการ

วันนี้ 6 ก.ย. 2567 รายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้จัดรายการในตอน ใครก็ได้ช่วยหนูที!!!ใช้รถยนต์ไฟฟ้าค่ายดัง เจอฝนตกน้ำท่วมรถน็อค ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าค่ายดังรายหนึ่ง ได้นำรถเข้าซ่อมเนื่องจากแบตเตอรี่มีอาการน้ำเข้าทำให้บวมน้ำจนแบตเตอรี่พังแต่ประกันไม่ยอมจ่าย

โดยมีผู้ร่วมรายการประกอบด้วย แนน ผู้เสียหาย, นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการด้านกฎหมายและตรวจสอบ คปภ, นายพัสกร ทัพมงคล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก (สคบ.) และทนายแก้ว ดร. มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่กฎหมายสภาทนายความ

โดย แนน ผู้เสียหายได้เล่าว่า วันที่เกิดเหตุตนใช้รถตามปกติแล้วขับฝ่าน้ำท่วมไป จนอยู่ๆ ไปชนกับอะไรบางอย่างแต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจ แล้ววันต่อมาต้องการใช้รถก็บอกว่าตัวรถมีการแจ้งเตือนระบบขัดข้องแล้วดับไป เลยโทรหาศูนย์ของ Neta ที่มีบริการรถยกฟรี เข้ามายกไปที่ศูนย์ซ่อม พอตรวจความเสียหายก็พบว่าตัวรถนั้นมีความเสียหายที่ใต้ท้องรถทำให้เข้าไปทำลายแบตเตอรี่เสียหาย ที่ศูนย์ซ่อมแรกไม่มีอุปกรณ์พอจึงไม่สามารถซ่อมได้และได้ย้ายไปอีกศูนย์หนึ่งอยู่ที่บางนาแทน

โดยหลังจากที่รับรู้ความเสียหายแล้วจึงติดต่อประกันไป บริษัทประกันโตเกียวมารีน หลังติดต่อก็ได้นัดประกันไป แต่ทางประกันแจ้งว่าไม่ได้ประกันแบตเตอรี่และที่ศูนย์ซ่อมได้ประเมินว่าตัวแบตเตอรี่นั้นไม่สามารถซ่อมได้พร้อมแนะนำว่าให้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่เท่านั้น เพราะเสี่ยงที่จะให้ตัวลูกค้าใช้ต่อไปอาจจำทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมา

ประกันภัยตัวนี้ได้แถมมากับตัวรถเลยเป็นประกันชั้น 1 ค่าซ่อมที่ได้รับการประเมินค่าใช้จ่ายรวมๆ แล้ว 4 แสนกว่าบาท เมื่อแจ้งกับทางประกันไปทางนั้นก็โทรมาแจ้งว่า แนะนำให้คืนทุน พร้อมให้เตรียมเอกสารให้เรียบร้อย พอทำเรื่องไปจนถึงขั้นที่จะได้รับเงินทางประกันได้ติดต่อมาอีกว่าไม่ต้องทำเรื่องแล้ว ตัวแบตเตอรี่ซ่อมได้

ตนก็รู้สึกงงมากแต่ก็ไปติดต่อสอบถามศูนย์ซ่อมเองก็ได้รับคำตอบว่าซ่อมไม่ได้ และทางประกันได้แจ้งว่าถ้าอยากจะซ่อมต้องมีเอกสารยืนยันจากทาง Neta ว่าตัวแบตเตอรี่นั้นต้องเปลี่ยนจริงๆ และได้ประสานกับประกันไปหลายครั้ง ทางประกันก็ให้คำตอบแค่ว่ารอเอกสารประสานงานจาก Neta

ตอนนี้ตนไม่กล้าไปประสานงานต่อแล้ว เพราะล่าสุดที่ไปติดต่อประสานงาน ตัวพนักงานที่เป็นคนประสานงานกับตนพูดใส่อารมณ์ว่า “จะเร่งอะไรเยอะแยะไม่คิดจะให้เวลาทำงานเลยหรือไง”

และในช่วงออนไลน์โฟนอินกับ ปรารถนา คุณสมบัติ ผู้จัดการแผนกลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท Neta ออโต้ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวว่า ทางบริษัทใส่ใจลูกค้าทุกคนและตอนนี้เป็นช่วงที่ประกันภัยกำลังทำเอกสารยืนยันอยู่ และจากที่ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบรถยนต์แล้ว ตัวแบตเตอรี่มีความชื้นสะสมเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าแนะนำให้เปลี่ยนทั้งหมด ราคาประมาณ 4.3 แสนบาท

เรื่องประกันต้องเป็นหน้าที่ของบริษัทประกัน ทางบริษัท Neta ไม่สามารถตอบอะไรได้มาก ทางบริษัทได้แจ้งไปแล้วว่าให้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยแจ้งกับประกัน แต่ทางประกันหายไป มาติดต่ออีกครั้งในวันที่ 29 ส.ค. และการเอาแบตเตอรี่ไปตากแดดนั้นไม่ควรอย่างยิ่ง แบตเตอรี่ได้รับความเสียหายน้ำเข้าเกิดการรัดวงจร มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความขัดข้องและอันตรายต่อลูกค้า ที่จะได้รับอันตราย

ด้าน นายเชิดชัย ทองกุนา ผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทนรถยนต์ บริษัท คุ้มกันภัยโตเกียวมารีนประกันภัย แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้ดูข้อมูลแล้วและได้ติดต่อผู้รับประกันไปว่าแบตเตอรี่เสียและถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด ต้องคืนทุนประกัน และให้ผู้เชี่ยวชาญไปประเมินดูแล้ว แล้วส่งเรื่องไปที่ Neta เพื่อยืนยันว่าควรจะซ่อมหรือเปลี่ยน

ทางบริษัทพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ประกันภัยทุกคน และเรื่องพนักงานที่เกิดปัญหากับผู้ประกันภัยทางบริษัทจะรีบดำเนินการต่อเพื่อที่จัดการปัญหานี่ทันทีโดยจะจัดการไปตามกฎของบริษัท

และทางบริษัทน้อมรับทุกความผิดที่เกิดขึ้นมันเป็นข้อผิดพลาดด้านการประสานงาน จะไม่ทำให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นอีก การยืนยันจาก Neta ที่ได้รับมานั้นได้แค่คำพูดปากเปล่าเท่านั้น ไม่ได้มีเอกสารยืนยันชัดเจน

เคสนี้ยืนยันว่าจะดำเนินการทำเรื่องคืนทุน และจะประสานงานกับผู้ประรับการประกันและไฟแนนซ์ แต่เรื่องการจ่ายค่าเยียวยานั้นไม่สามารถดำเนินการได้เพราะต้องดำเนินไปตามสัญญา

ด้าน นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการด้านกฎหมายและตรวจสอบ คปภ. ออกความเห็นว่าการประเมิณผลจากประกันนั้นถ้ารถเสียหายเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ สามารถคืนทุนได้เลย แต่กรณีนี้อาจจะติดขัดที่ตัวเอกสารบางส่วน ต้องตรวจสอบดูอย่างละเอียด ถ้าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

อยากให้ผู้เสียหายติดต่อประสานงานมาที่ คปภ. ได้ทันทีและจะมีการดำเนินการตรวจสอบอย่างรวดเร็วไปตามกรณี และมีความเห็นอีกว่าถ้าราคารถลดลงอะไหล่ที่ใช้ซ่อมควรจะลดลงไปด้วย ระบบจัดการทั้งหมดของประกันควรจะรวดเร็วขึ้นในการยืนยันความเสียหาย ด้านผู้ประกันที่ประสบปัญหาเรื่องประกันภัยอยากให้ติดต่อ คปภ. เพื่อจะได้รับการดำเดินการให้คำแนะนำประสานงานอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม

ด้าน นายพัสกร ทัพมงคล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก (สคบ.) มีความเห็นว่า อะไรที่ลดความเสียหายได้ควรจะลดความเสียหายต่อตัวผู้ร้องเรียน โดยปกติเรื่องแบบนี้จะต้องเป็นหน้าที่ของผู้ผลิตรถยนต์และประกันที่จะดำเนินงานประสานงานกัน และการรับผิดชอบความเสียหายนั้น ถ้าความเสียหายเกิดมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่อุบัติเหตุทางผู้ผลิตจะต้องรับผิดชอบ และถ้าความเสียหายเกิดจากอุบัติเหตุผู้รับผิดชอบค่าเสียหายจะเป็นบริษัทประกันภัย


คุณอาจสนใจ

Related News