ช็อก! กินเบอร์เกอร์ยี่ห้อดัง เจอผ้าก๊อซพันแผลเปื้อนเลือด จี้แบรนด์รับผิดชอบ

เพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์เรื่องราวร้องเรียนของลูกค้าที่เจอผ้าก๊อซพันแผลที่เปื้อนเลือด อยู่ในเบอร์เกอร์แบรนด์ดังระดับโลก เมื่อแจ้งให้ตรวจสอบ ผ่านไปเกือบอาทิตย์ก็ยังไม่รับผิดชอบ ทำให้ตั้งคำถามถึงมาตรฐานการผลิตของเบอร์เกอร์แบรนด์ดัง โดยโพสต์ระบุว่า

“เคี้ยวหนึบๆ สุดท้ายมันคือผ้าก็อซพันแผลเปื้อนเลือดอยู่ในเบอร์เกอร์...ลูกค้าสาวโวยแบรนด์ดังยังไม่ได้คำตอบว่าติดมาได้อย่างไร

.

.

เจอผ้าก๊อซพันแผลที่เปื้อนเลือดอยู่ใน "เบอร์เกอร์"!

วันศุกร์ที่แล้ว 5/4/67 เวลา 18:37

เจ้านายได้ไปแวะซื้อ (ชื่อแบรนด์) ที่สาขาแห่งนึงมาทานในรถ เพราะลูกหิวมากและรถค่อนข้างติด พาพี่แม่บ้านนั่งรถไปจึงซื้อเบอร์เกอร์เผื่อเค้าด้วย

พี่แม่บ้านได้มาก็เปิดกินทันทีในรถ ซึ่งเวลาขณะนั้นคือมืดแล้ว ในรถก็กินแบบมืดๆ เค้าทานๆ อยู่เห็นอะไรหล่นลงจากเบอร์เกอร์มาที่กระดาษ ด้วยความที่มืดเค้าก็นึกว่าเป็นก้อนขนมปังขาดเลยหยิบขึ้นมากิน แต่เคี้ยวเท่าไหร่ก็ไม่ขาด มันเหนียวๆ เลยคายออกมา.. เปิดไฟดู.. ทุกคนตกใจมาก!! ผ้าก๊อซก้อนใหญ่ลักษณะพันเทปรอบนิ้วและมีรอยเลือด!!

เช้าวันรุ่งขึ้นได้ส่งรูปและสอบถามเข้าไปในเพจของแบรนด์ คำถามคือพนักงานไม่ใส่ถุงมือหรืออย่างไร? เมื่อเป็นแผลทางแบรนด์มีมาตรการการป้องกันอย่างไร? ทำไมถึงปล่อยให้พนักงานทำผ้าก๊อซปนเปื้อนหล่นมาอยู่ในไส้เบอร์เกอร์ได้? ไม่น่าเชื่อว่ามาตรฐานจะหย่อนยานได้ขนาดนี้ พี่แม่บ้านแทบจะอ้วกออกมา เคสนี้ถือว่าร้ายแรงมากๆๆ มันคือการเคี้ยวผ้าก๊อซที่ติดเชื้อ!!

ช่วงบ่ายมีคนโทรกลับมาขอโทษเราเก็บตัวอย่างไว้แจ้งว่า ถ้าต้องการนำไปตรวจสอบยินดีเลย ทางร้านได้มารับตัวอย่างและคืนเงินค่าอาหารให้ ขอให้ตรวจสอบหาต้นตอสาเหตุของการปนเปื้อนนี้ และให้อีเมล์สรุปผลการตรวจสอบมาชี้แจ้งมาที่นาย

แต่ผ่านไปครบอาทิตย์แล้วก็ทักไปติดตาม เค้าโทรกลับมาแจ้งเพียงว่ากำลังตรวจสอบอยู่ และยืนยันว่าดูกล้องแล้วเห็นพนักงานใส่ถุงมือทำงาน สอบถามไปยังโรงงานที่ตัดแต่งผักให้ก็ยังไม่ได้คำตอบ

แบรนด์ระดับนี้การตรวจสอบย้อนกลับต้องทำได้ดีกว่านี้ นายซีเรียสมาก ไม่เชื่อว่าเป็นที่โรงงาน แต่เป็นที่พนักงานในสาขานั่นล่ะไม่พูดความจริง เราต้องการความโปร่งใส ตรงไปตรงมาจากแบรนด์ระดับโลกขนาดนี้ เจอเคสนี้เข้าไปคงไม่กินเบอร์เกอร์ไปอีกนาน แค่อยากมาระบาย สงสารพี่ที่เคี้ยวอย่างจัง คิดแล้วอยากจะอ้วกแทน

ป.ล. จริงๆเรายังแอบคิดว่าชดเชยคืนแค่อาหารมันน้อยไปหน่อยนะ สำหรับความร้ายแรงระดับนี้”

หลังโพสต์เผยแพร่ไป ได้มีผู้บริโภคเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยมองว่าเป็นการปนเปื้อนในอาหารที่รุนแรง เพราะ เลือดจากแผลคือเชื้อโรค ผ้าพันแผลคือขยะติดเชื้อ การที่แบรนด์จะรับผิดชอบแค่คืนค่าอาหารคงไม่เพียงพอ แต่ต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ ยิ่งถ้าเป็นเคสลักษณะนี้ในต่างประเทศ ลูกค้าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เงินก้อนใหญ่เลยทีเดียว

ขณะที่ผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานในร้านฟาสต์ฟู้ด ได้เผยว่า ในบางร้านหากพนักงานได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผล ทางร้านจะไม่ให้เกี่ยวข้องหรือหยิบจับเรื่องอาหารเลย อีกทั้งในระหว่างปฏิบัติงานห้ามใส่แหวน สายสิญจน์ นาฬิกา สร้อยข้อมือทุกชนิด เพราะเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อโรค หลังเลิกงานถึงจะให้ใส่กลับได้