ข่าวโซเชียล
สรุปดรามา "คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ" เพลงล่อแหลมเรื่องเพศ 'ไม่เหมาะสม' หรือ 'การต่อสู้ของชนชั้น'
โดย paweena_c
12 ก.ย. 2566
610 views
สรุปดรามา "คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ" การตั้งคำถามถึงความเหมาะสม ของบทเพลงที่ล่อแหลมเรื่องเพศ และศิลปะการต่อสู้ของชนชั้น
กำลังเป็นกระแสดรามาร้อนแรงทีเดียวสำหรับเพลง 'คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ' หลังจากที่ชาวเน็ตนำมาร้องใหม่จนกลายเป็นกระแสโด่งดัง รวมทั้งมีการพูดถึงอย่างมาก เนื่องด้วยเนื้อเพลงที่มีคำล่อแหลมเกี่ยวกับเรื่องเพศ แน่นอนว่าก็จะมีทั้งคนที่มองว่าเป็นเรื่องตลกและคนที่มองว่าเป็นคำหยาบคายไม่เหมาะสม
หนึ่งในนั้นก็มีนักแสดงยุค 90 อย่าง 'ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ' ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยมีใจความสำคัญว่า "ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี! พยายามเข้าใจนะว่าผมอาจจะมาจากดาวดวงอื่น
หลายสิ่งที่รับไม่ได้จริงๆแล้วไม่ตลกด้วย คือ มีการร้องเพลง แล้วใส่คำว่า... (อวัยวะเพศหญิง-ชาย) ในเนื้อเพลง แล้วก็เห็นว่าเป็นเรื่องตลก ขบขัน
ผมว่ามันหยาบคาย หยาบโลน ตื้นเขิน ไม่รับผิดชอบ และกังวลว่าเด็กๆในวัยที่ยังไม่พร้อมมาเปิดดูคลิปเพลงพวกนี้จะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ใคร ๆ ก็พูดกัน ใคร ๆ ก็ร้องกัน เราร้องบ้างดีกว่า สนุกดี ฮาดี เอาจริงดิ นี่เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไงกันครับ ผมไม่ได้โลกสวยนะ แต่ใครช่วยตอบผมที"
หลังจากที่คนแชร์โพสต์ของพระเอกมาดเข้มออกไป จนเป็นกระแสไวรัลขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามกระแสดังกล่าวกลับกลายเป็นกระแสตีกลับอย่างรุนแรง เพราะชาวเน็ตบางกลุ่มก็มองว่าวัฒนธรรมการสื่อสารของหมอลำมักสอดแทรกมุกตลกแบบสองแง่สองง่าม
ทำให้ถูกมองว่า "โลกสวย" บ้างมองว่า "เศรษฐีผู้ดีไม่เข้าใจ" และบางกลุ่มก็ชี้ว่า เพลงนี้สะท้อนความเหลื่อมล้ำของสังคม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชนชั้น หรือเรื่องทางเพศ ส่วนบางกลุ่มก็ได้บอกว่าบทละครไทยก็สร้างนิยมผิด ๆ ไม่แพ้เนื้อเพลงเช่นกัน เช่น "แล้วที่คุณเล่นละครตบตีแย่งผัวแย่งเมีย เมียน้อยเมียหลวงมันดีมากเลยใช่ไหมเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ เลยเนอะ"
นอกจากชาวเน็ตที่ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นแล้ว ก็มีบุคคลนอกวงการอื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นและตอบโต้เช่นกัน
หนึ่งในนั้นก็คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
อาจารย์ไชยณรงค์ ได้โพสต์ตอบโต้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยมีใจความสำคัญว่า “ถ้าคุณป๋อไม่เข้าใจ ผมจะอธิบายให้ฟัง
1. เพลงนี้ที่ติดหูและถูกใจในโลกโซเชียลอย่างล้นหลาม แม้จะร้องเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เพราะเพลงได้สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางสังคม แม้ผ่านไป 30 ปี แล้ว แต่ก็ยังดำรงอยู่ในสังคมไทย
2.เพลงนี้สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางเพศสถานะด้วย
3. การที่นักร้องคือคุณเดือนเพ็ญหยิบท่อนนี้มาจากเพลงสมองจนจนของพลอยมาแปลงเล่นต่อไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว แต่การแสดงนี้คือศิลปะการแสดงที่เป็นอาวุธของผู้อ่อนแอ
ลองนึกดูครับว่า ถ้ายุคนั้นหรือแม้แต่ยุคนี้ หากคนจนลุกขึ้นมาเดินขบวนชุมนุมประท้วงเรื่องความเหลื่อมล้ำ ก็ย่อมถูกปราบปรามจากรัฐได้ง่าย
หรืออาจนึกภาพว่าคนจนเดินไปหานายกฯ หรือข้าราชการระดับสูง แถวถามว่า “คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ” คุณคิดว่าเขาจะฟังหรือ? ประเด็นท่อนเพลง “คนจนมีสิทธิ์มั้ยคะ”
จึงควรให้ความสำคัญกับสาระที่แท้จริง คือความเหลื่อมล้ำทางสังคม รวมถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศที่เกิดขึ้นในสังคมนี้
คุณป๋อไม่ได้มาจากดาวดวงอื่นหรอกครับ คุณอยู่บนโลกใบเดียวกันนี่แหละ เพียงแต่คุณอยู่ในโลกของการแสดงอีกแบบที่คิดว่าดีกว่าคนอื่น มันเลวร้ายกว่าหยาบโลนกว่าหลายพันเท่า”
ด้าน ยุ้ย จริยา ปรีดากูล หรือ ยุ้ย ญาติเยอะ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เจ้าของเพลง "พกเมียมาด้วยเหรอ’ ก็ออกมาตอบโต้กระแสดังกล่าวเช่นกัน
โดยเจ้าตัวได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้ว่า “เพลงมันก็แค่เพลงค่ะ หยาบคายยังไง มันก็แค่เพลง เพลงอีสานพื้นบ้านเขามีมานมนาน คนมาเปิดในติ๊กต็อกใหม่ก็เป็นกระแสแค่นั้น งงอะไร กลัวลูกหลานฟังไม่ได้
นี่เปิดให้ลูกฟังเลยค่ะ แล้วอธิบายสอนลูกไปด้วยว่าอย่าร้องตามลูกไม่ใช่อะไรเดี๋ยวติดปาก ยายเขาร้องไว้นานแล้ว สมัยก่อนสมัยนี้ ก็บอกไปว่ามันคืออะไร แต่ให้พูดไม่ได้ ก็สอนไปซิมีหน้าที่พ่อแม่ มัวมองโลกสวย ไม่มองโลกจริงๆ ระวังลูกไม่มีภูมิ เจอเพลงแค่นี้ ปสด.”
นอกจากประเด็นเนื้อเพลงแล้วชาวเน็ตก็ได้นำบทละครไทยที่มีฉากข่มขืนโดยเฉพาะฉากที่ ป๋อ ณัฐวุฒิ จับนางเอกข่มขืนและกักขัง มาเปรียบเทียบและตั้งคำถามว่า แบบนี้เลวร้ายและหยาบโลนกว่า และไร้ความผิดชอบกว่าหรือไม่
ไม่เพียงเท่านั้น ชาวเน็ตยังได้ขุดโพสต์ต่าง ๆ และไอจีของ ป๋อ ณัฐวุฒิ เพื่อที่จะให้เห็นว่า ตัวพระเอกมาดเข้ม ก็เคยใช้แคปชั่นที่สื่อไปในทางเพศเช่นกัน ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในโลกออนไลน์และทำให้แฮชแท็ก ป๋อ ณัฐวุฒิ ติดเทรนด์อย่างรวดเร็ว
แต่ล่าสุดทาง ป๋อ ณัฐวุฒิ ได้ลบโพสต์เดิมออกแล้วและมีการโพสต์ใหม่อีกครั้ง โดยมีใจความสำคัญว่า “ผมลบโพสต์แล้วนะครับ... เหตุผลเดียวเลยคือ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ผมอยากจะพูดมี 2 เรื่องนะครับ
1. ผมชื่นชมและเคาพพี่น้องเพลงหมอลำมาตลอด
2. พี่ๆสื่อมวลชนทั้งหลายครับ การที่เอารูปผมและบทความของผมในพื้นที่ส่วนตัวของผม ไปต่อยอดรายงานข่าว โดยมีการตัดต่อรูปผมคู่กับพี่เดือนเพ็ญ เด่นดวง นักร้องหมอลำ แล้วทำให้ตอนนี้สังคมเข้าใจผมผิดทั้งหมด เกิดความขัดแย้ง
ทำให้เนื้อหาที่ผมจะสื่อบิดเบือนจากเจตนาของผมไปมาก ผมอยากจะถามว่า พี่จะรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้กับผมยังไงครับ ผมพูดในฐานะพ่อคนหนึ่งที่กังวลใจ ตกใจ กังวลต่อคำที่ใช้ในเพลง ที่ไม่สมควรมีคำหยาบ(อวัยวะเพศ)มาอยู่ในเพลง ในบทบาทของความเป็นพ่อ
ผมก็เลยอยากจะฝากแง่คิดไปถึงคนที่มีส่วนรับผิดชอบในการคัดกรองเนื้อหาต่าง ๆ ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กได้เติบโตมาในสังคมที่ดีงาม ผมต้องกราบขอโทษพี่น้องหมอลำและคุณเดือนเพ็ญ เด่นดวงกับเรื่องเข้าใจผิดในครั้งนี้ด้วยนะครับ
ผมทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าคลิปมันนานมาแล้ว แล้วผมไม่ได้พูดเจาะจงถึงเพลง ๆ นี้เลย ผมพูดถึงเพลงทั่วไปในปัจจุบัน ผมหวังว่าพี่ ๆ จะเข้าใจและให้อภัยผมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยนะครับ
ผมต้องตกเป็นจุดสนใจของการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนหลายสำนัก มีการเอารูปและข้อความจากพื้นที่ส่วนตัวของผมไปขยายความโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วทำให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ขนาดนี้
ผมหวังว่าพี่ ๆ สื่อจะรับผิดชอบกับการกระทำในครั้งนี้ต่อผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ"
อย่างไรก็ตาม แม้โพสต์ต้นเรื่องของ ป๋อ ณัฐวุฒิ จะถูกลบและเจ้าตัวก็ได้ขอโทษต่อประชาชนที่สร้างความเข้าใจผิดแล้ว แต่ในกระแสสังคมออนไลน์ยังถูกพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งก็จะมีทั้งกลุ่มคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่ต่างก็มีเหตุผลของตัวเองมาถกเถียงกัน แต่การที่จะบอกว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิดก็คงไม่สามารถตอบได้
แต่ทั้งนี้ก็เชื่อว่าแต่ละคนมีวิจารณญาณในการรับชมและสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนควรและสิ่งไหนไม่ควร