แม่ค้าปาท่องโก๋ วอน สังคมเข้าใจ หลังดรามา ถูกหมอนวดปาขี้ใส่ร้าน ขอต่างคนต่างอยู่

ความคืบหน้าหลังมีประเด็นสาวหมอนวดปาขี้ใส่ร้านแม่ค้าขายปาท่องโก๋เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ 22 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 10/5 ซอยเรือนจำเก่า ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง พบ นางวราภรณ์ เพ็ชรประเสริฐ อายุ 46 ปี แม่ค้าขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ ที่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสาวหมอนวดตาบอด ที่ได้ก่อเหตุปาอุจจาระใส่ร้านเมื่อเวลา 06.00 น.วานนี้ ก่อนจะเกิดประเด็นดรามาให้กับสังคมโซเชียลหลังมีการนำเสนอข่าวไป

โดยนางวราภรณ์ ฯ เล่าว่าหลัง มีการนำเสนอข่าวไปได้เกิดผลกระทบให้กับตนเองด้วยข้อมูลบางข้อมูลจากชาวบ้านที่ให้ข้อมูลว่า ตนเอง มักมีปัญหากับ คนหลายคนในพื้นที่เรื่องกลิ่นน้ำมันทอด ถึงขนาด เมื่อดีตที่ผ่านมามีร้านขายหมูย่างร้านหนึ่งซึ่งอยู่ติดกันต้องย้ายร้านหนีในส่วนนี้ทำให้ตนเอง ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ในทางเสียหาย จึงวอนขอความเป็นธรรม ให้ช่วยนำเสนอข่าวในความถูกต้องด้วย

นางวราภรณ์ ฯ เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านใดๆสักคนรวมถึงกับหมอนวดตาบอดก็ไม่เคยมีปัญหากัน และยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย ซึ่งสาเหตุในข้อเท็จจริงระหว่างตนและสาวหมอนวดที่เข้ามาก่อเหตุปาขี้ใส่ร้าน มาจากความเป็นห่วงที่เมื่อประมาณปีเศษๆ ตนเอง ได้เคยบอกกล่าวกับหมอนวดถึงการข้ามถนนที่อาจจะเกิดอันตรายกับเขา แต่ด้วยการใช้น้ำเสียงที่อาจจะดู เสียงดังไปจึงทำให้หมอนวดตาบอดผูกใจเจ็บจนเกิดเป็นปัญหาตามมาตลอดระยะเวลา 1 ปีเศษถึง 2 ปี ก่อนจะบานปลายมาในเรื่องของกลิ่นน้ำมันทอด

แล้วจะปัญหาในเรื่องของกลิ่นน้ำมันทอดตนเองในขณะนี้ก็ได้สั่งให้ช่างทำเครื่องดูดอากาศให้ไปแล้ว เพื่อที่จะลดปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดเหตุ เพจตนเองได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานซึ่งในส่วนนี้ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขอลงไว้เป็นหลักฐานเท่านั้นในส่วนคดีความตนเองไม่ติดใจใดๆ และพร้อมให้อภัยกับสาวหมอนวดในสิ่งที่เกิดขึ้น โดยหลังจากนี้ขอเพียงว่าให้ต่างคนต่างอยู่ เท่านั้น

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ได้เข้าไปสอบถามสาวหมอนวด และพร้อมที่จะเป็น กาวใจให้กับคู่กรณีทั้งสองแต่ปรากฏว่าสาวหมอนวดเมื่อพบเจอตำรวจกลับปิดประตูร้านใส่ในทันที

อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง จึงของฝาก ถึงพี่น้องประชาชนทุกท่าน ในเรื่องของความเป็นอยู่ที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันของบ้านใกล้เรือนเคียง ควรใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจากันแต่หากเกิดเหตุที่ไม่สามารถพูดจาอะไรกันได้ก็ควรรีบโทรแจ้ง 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเป็นกาวใจจะดีที่สุด