เพื่อนบ้านรับสารภาพ ตีหมาตายก่อนนำมาชำแหละทำเนื้อแดดเดียว ไม่สลดบอก ฆ่าหมา-กินเนื้อเป็นปกติ

เพื่อนบ้านก่อเหตุยิงหมาและตีจนตาย ก่อนนำไปชำแระทำเนื้อแดดเดียว มูลนิธิวอชด๊อกไทยแลนด์ เตรียมประสานตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ดำเนินคดี

เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (25 เม.ย.) มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT ได้โพสต์ภาพและคลิป ระบุ กรณีการทำร้ายใช้ปืนยิงสุนัขในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยระบุว่า “#ฆ่าชำแหละหมาของเพื่อนบ้านตากทำเนื้อแดดเดียว อรัญประเทศ สระแก้ว WDT รับเรื่องร้องเรียนน้องหมาชื่อ "ชมพู่" หายออกไปจากบ้าน ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนหนึ่งนัดจากบ้านของเพื่อนบ้าน เจ้าของหมาตามไปดู พบเนื้อหมาถูกชำแหละตากทำเนื้อแดดเดียว วางเกลื่อนหน้าบ้าน พร้อมกับเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.อรัญประเทศ เพราะจำได้ว่า สีขนและลิ้น มันคือซากร่างที่ถูกชำแหละของชมพู่อย่างแน่นอน !!

หลังจากนั้น พนักงานสอบสวน สภ.อรัญฯ ลงพื้นที่หลังรับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เจอผู้ต้องหาสองคน อ้างว่าฆ่าหมาของตนเอง จากนั้นเชิญตัว นายแสวง  อายุ 68 ปี และนายประสิทธิ์  อายุ 56 ปี ผู้ก่อเหตุมาสอบสอบสวน ที่ห้องสอบสวน สภ.อรัญประเทศ โดยนำตัวไปแยกสอบคนละห้อง

ซึ่งเบื้องต้น ทั้งสองรายยังอยู่ระหว่างสอบสวนเครียด อ้างเพียงว่า เป็นหมาตัวเอง ซึ่งหมาไปกัดหมู จึงตีมันจนตายและชำแหละกิน

ต่อมาหลังจากมีการสอบสวนเป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง ทั้ง 2 ราย รับสารภาพว่า เป็นคนฆ่าสุนัขตัวดังกล่าวจริง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา กระทำทารุณกรรมสัตว์ฯ ตาม พรบ.ทารุณกรรมสัตว์ฯ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะเดียวกัน สำหรับกรณีทำให้เสียทรัพย์ทางผู้เสียหายและผู้ต้องหาได้มีการเจรจากันเป็นที่เรียบร้อย โดยกลุ่มผู้ต้องหายินยอมจ่ายเงินค่าสินไหมชดเชยให้จำนวน 50,000 บาท โดยนัดชำระเงิน ในวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้ ส่วนพนักงานสอบสวนจะนำผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดสระแก้วในวันนี้ (26 เม.ย.) ต่อไป

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้ง 2 มา ชี้จุด ที่ได้นำหัวหมามาโยนทิ้ง พร้อมทั้งได้ลงไป งมหาหัวหมา ซึ่งทั้งสองอ้างว่านำมาโยนทิ้ง ในบ่อหลังบ้าน หลังจาก ที่ได้ ชำแหละ ชิ้นส่วนแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามตาน้อยว่ากินหมาจริงมั้ย ตาน้อยตอบแบบเสียงดัง ฟังชัดว่ากินจริงๆและตนเองได้ใช้ไม้ตีมันจนล้มลง แล้วตีซ้ำจนมันตาย แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ยิง และยังบอกอีกว่าตนเองกินเป็นประจำ และฆ่าหมาเป็นเรื่องปกติ เพราะมันเข้ามากินเป็ดและไก่ของตน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าจากที่ผู้สื่อข่าวได้เดินสำรวจบริเวณดังกล่าว ไม่พบเสียงเป็ดหรือเสียงไก่ พบแต่เล้าเป็ด ไม่มีเสียงเป็ดแต่อย่างใด แต่พบซากหัวหมาที่อยู่ในบ่อ ซึ่งเป็นซากเก่าของหมาที่ตายตัวก่อนๆ

หลังจากนั้นผู้สื่อได้เดินทางไปยังบ้านของนายธวัชชัย อายุ 43 ปี  ซึ่งเป็นเจ้าของน้องหมาตัวดังกล่าว "คือน้องชมพู่" คุณธวัชชัย เล่าว่าตนเองเป็นคนรักหมามาก โดยได้นำหมามาเลี้ยงไว้ทั้งหมด 4 ตัว ปกติก็จะปล่อยให้มันวิ่งเล่นเป็นประจำ จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 24 เมษายน 2568 ตนเองไม่อยู่บ้าน แต่แฟนได้ยินเสียงปืน ดังขึ้น 1 นัด เสียงดังมา จากบ้านผู้ก่อเหตุ

จากนั้นหมาของตนก็พากันวิ่งแตกตื่นกลับมาบ้าน แต่ปรากฎว่าไม่เห็น "เจ้าชมพู่" วิ่งกลับมา ในใจก็ภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับน้องชมพู่เลย จากนั้นตนเองตัดสินใจเดินไปตามหา "น้องชมพู่" ที่บ้านหลังดังกล่าว พบกับนายแสวงงาม อายุ 68 หรือ  "ตาน้อย" ตนเองก็ได้ถามว่าเห็นหมาของตนวิ่งมาทางนี้บ้างมั้ย แต่ตาน้อยบอกว่าไม่เห็น หน้าตาเฉย แล้วก็รีบขับรถออกไป

จากนั้นภรรยาของผู้ก่อเหตุ ได้ออกมา ตนเองก็ถามว่าเห็นหมาของตนเองมั้ย ยายบอกว่าไม่เห็นทันใดนั้น ตนเองก็หันไปเห็นชิ้นเนื้อถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ตากไว้บนแผ่นสังกะสี ตนเองคิดเลยว่าต้องเป็นน้อง "ชมพู่" หมาของตนอย่างแน่นอน แต่ทางด้านภรรยาผู้ก่อเหตุตอบมาว่าเป็นเนื้อวัว ตนเองไม่เชื่อ เดินเข้าไปดูไกล้ๆ เข่าแทบทรุด เมื่อเห็นขนและลิ้นของน้องชมพู่หมาสุดรักของตน วินาทีนั้นตนทำอะไรไม่ถูก ร้องไห้โฮออกมา ด้วยความสงสาร จึงได้หันไปถามภรรยาผู้ก่อเหตุอีกว่าทำไมต้องฆ่ามัน ทำแบบนี้ทำมั้ย แต่ภรรยาผู้ก่อเหตุ ได้แต่ตอบว่า ไม่รู้เรื่อง

ตนเองจึงตัดสินใจเก็บสิ้นส่วนของน้องชมพู่ใส่ถุงแล้วเดินร้องไห้กลับมาที่บ้าน จากนั้นตั้งสติ จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.อรัญปรเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนเองคิดว่าการกระทำแบบนี้มันโหดร้ายทารุณมากๆ กับหมา ของใครใครก็รัก ซึ่งตนเองเลี้ยงมาด้วยคามรักความผูกพันธ์ มันก็เหมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งก็ว่าได้ ซึ่งตอนนี้น้องชมพู่ได้จากไปแล้ว คงเหลือน้อง "ไข่ตุ๋น" ซึ่งเป็นลูกของ "ชมพู่" ไว้ดูต่างหน้า และตนเองก็จะได้นำชิ้นส่วนของ "ชมพู่" ไปฝังและขอให้ "ชมพู่" ไปเกิดใหม่ในพบภูมิที่ดีกว่านี้ และอยากขอร้องกับกลุ่มคนที่ชอบกินเนื้อหมา หยุดเถอะ ของกินมีเยอะแยะ เพราะหมาถือว่าเป็นเพื่อนที่มีความซื่อสัตย์ที่สุดในโลกแล้ว ผมสงสารมัน คุณธวัชชัยกล่าว

ด้านนางสาว ธนันพัชธ์ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเพื่อน และอาศัยอยู่บริเวณระแวกนั้นก็เล่าถึง พฤติกรรม ของผู้ก่อเหตุว่า เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงคอยกับใคร และก็รู้เหมือนกันว่าตาน้อยผู้ก่อเหตุชอบกินหมาและตีหมาฆ่าหมาอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้กับคนที่คุ้นเคยกันดี รู้สึกเศร้าใจ

ซึ่งวันเกิดเหตุตนเองยืนยันว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจริงๆ 1 นัด เพราะว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่โล่ง เลยทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน ตนเองก็รู้สึกเห็นใจ และเสียใจกับเจ้าของหมามาก และอยากฝากบอกถึงคนที่นิยมกินเนื้อหมาว่าให้หยุดเถอะ เพราะหมามันเปรียบแล้วเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ซื่อสัตย์กับ มนุษย์มากที่สุด



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/xbSNioFS7w0