อาชญากรรม

นายกฯ กำชับตามคดี ‘ดิไอคอน’ - น้องสาวเล่าพี่ชายยืมเงินแม่ไปลงทุน เครียดขายสินค้าไม่ได้ก่อนจบชีวิต

โดย weerawit_c

12 ต.ค. 2567

121 views

“น้องสาว” เผย “พี่ชาย” ยืมเงินแม่ไปลงทุนกับดิไอคอน เครียดขายสินค้าไม่ได้ก่อเหตุฆ่าตัวตาย ขอเงินคืน กลับถูกชวนมาลงทุนขายของแทน

วานนี้ (11 ต.ค.) ทีมข่าวได้คุยกับคุณหล้า น้องสาวของนายนิคม หนึ่งในลูกข่ายบริษัทดิไอคอน  ปัจจุบันนายนิคม เสียชีวิตไปแล้ว เพราะกินยาฆ่าตัวตายในบ้าน คุณหล้าและครอบครัว เชื่อว่าสาเหตุมาจากเครียดหนักหลังสมัครร่วมขายของกับดิไอคอน แต่สินค้าขายไม่ออก พร้อมเล่าว่าเพียงแค่ 3 เดือนที่พี่ชายลงทุนกับดิไอคอน มีการยืมเงินแม่ไป 2 แสนบาท แต่สุดท้ายโกโก้กองอยู่ที่บ้าน 2 ลัง กินเองไม่หมด ขายก็ไม่ออก

ที่พีคกว่านั้นคือคุณหล้า น้องสาวคุณนิคม เล่าว่า หลังพี่ชายเสียชีวิต มีคนโทรศัพท์มาหา เธอจึงแจ้งว่าอยากได้เงินที่พี่ชายลงทุนกับบริษัทคืน ปลายสายบอกว่าคืนไม่ได้ แต่การเป็นทายาทสามารถมาสานงานต่อกันได้ พร้อมกับชวนให้เธอทำแทนพี่ชายของเธอ

คุณหล้าบอกว่า เธอไม่รู้ชื่อของคนปลายสาย แต่รู้ว่าขายของด้วยกันกับพี่ชายในบริษัทดังกล่าว โดยตนบอกปลายสายว่าไม่ได้ก็ไม่เอาให้เป็นเรื่องของเวรกรรม อยากฝากไปยังบริษัทว่า “คุณทำให้คนอื่นไว้ใจเชื่อใจ ศรัทธา คุณไม่คิดว่าผลที่คุณทำมันกระทบกับครอบครัวเขาแค่ไหน”


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทำธุรกิจของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า ขณะนี้คณะทำงานได้รับพยานเอกสารของประชาชน ในส่วนของหลักฐานการติดต่อ, การชักชวนไปร่วมลงทุนธุรกิจและตัวอย่างสินค้า รวบรวมไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียบร้อยแล้ว

ส่วนจะเป็นการประกอบธุรกิจขายตรงคล้ายกันกับบริษัทใหญ่ที่เป็นที่รู้จักหรือไม่ ส่วนนี้เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบการจดทะเบียนขออนุญาตการประกอบกิจการ เพราะธุรกิจขายตรงต้องมีการจดทะเบียนขออนุญาต รวมถึงต้องสอบถามตัวแทนขายว่าลักษณะการไปอบรม การนำทรัพย์สินไปใช้ในธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะใดเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายธุรกิจขายตรงหรือไม่

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าลักษณะธุรกิจขายตรง กับ แชร์ลูกโซ่ มีเส้นบางๆกั้นอยู่ ทางคณะตำรวจที่ทำงานจะต้องพยายามรวบรวมข้อเท็จจริง สรุปวินิจฉัยอย่างรอบคอบ ซึ่งภายในวันนี้จะพยายามระบุข้อความผิดให้ได้ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกกล่าวหาความผิดเรื่องใดบ้าง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า ในชั้นแรกจะมุ่งไปที่ตัวผู้ประกอบการ(ผู้บริหารบริษัท) ก่อนว่ากระทำผิดประเภทไหนจากนั้นจึงเป็นการพิจารณาบุคคลที่เกี่ยวข้อง ว่าเข้าข่ายลักษณะความผิดของตัวการ ด้วยหรือเป็นเพียงผู้เข้าร่วม

ส่วนที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลหรือการแถลงข่าวว่าไม่ได้เป็นกรรมการหรือผู้บริหารบริษัท พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้การและกล่าวอ้างได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องยึดถึงคำให้การของผู้เสียหายด้วยว่า ที่ผ่านมาบุคคลเหล่านั้นมีพฤติการณ์อย่างไรบ้างในบริษัท กระบวนการของตำรวจคือการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ากระทำความผิดก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่ทั้งนี้ตราบใดที่เรื่องไปถึงศาลและศาลยังไม่พิพากษาว่าเป็นผู้ต้องหาพวกเขาก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ในขณะนี้เราทำงานอย่างเต็มที่เพราะเรารู้ว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้

ส่วนคดีในอดีตคือบทเรียนบางทีตำรวจก็ถูกฟ้องกับตนจึงกำชับว่าให้ทำอย่างรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมายอย่างแท้จริง พนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในเหตุที่เกิดข้อเท็จจริงที่ปรากฏรายละเอียด ของเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายแต่ละท่านได้ถูกกระทำ

ส่วนของ ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งหนังสือระบุถึงพฤติการณ์ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวประกอบกับคำให้การผู้เสียหาย ตนเองได้พูดคุยกับเลขาธิการปปง.โดยตรงว่าเรื่องนี้ตำรวจมีหน้าที่สอบสวนแต่ไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ใคร เพียงแต่ตำรวจมองว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน ดังนั้นผู้ที่ถูกกล่าวหาอาจจะกระทำความผิด

ข้อห่วงใยจากตำรวจ คือขอให้เร่งรัดในการพิจารณายุติการดำเนินธุรกรรมทางการเงินของผู้บริหาร และวันนี้จะมีการประชุมระหว่างปปง. สคบ. และตร. เพื่อติดตามความคืบหน้า

ทั้งนี้ ยืนยันว่าหนังสือที่ส่งถึงปปง.มีความครบถ้วนรอบคอบแล้วเป็นความคิดที่ตำรวจเข้าใจพี่น้องประชาชนว่าเดือดร้อน จากกรณีที่คิดว่าถูกหลอกลวงทรัพย์สินเงินทอง

เมื่อถามว่ากรณีดาราที่มีส่วนที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจมาร่วมลงทุน และระบุว่าตนไม่ใช่ฝ่ายบริหาร จะมีการพิจารณาดำเนินคดีความผิดใดหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ถ้าข้อเท็จจริงที่ได้พาดพิงถึงท่านใดยืนยันว่าจะเรียกมาสอบสวนทั้งหมดหากพบว่าพฤติการณ์ดังกล่าวมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย แม้บุคคลนั้นจะไม่มีตำแหน่งในบริษัทแต่มีพฤติการณ์ความผิด และทั้งนี้ มีการเตรียมการป้องกันหา มีการดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการหลบหนีออกนอกประเทศ

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเรียกประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกรณีประเด็นบริษัท The icon group บริษัทธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ โดยมี นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง./ พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ ว่าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ / นางสาวทรงศิริ จุมพล รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มผู้บริโภค หรือ สคบ. /พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล

โดยการหารือในวันนี้จะหารือถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัท The icon group ที่ไม่เข้าลักษณะขายตรง แต่เป็นการระดมทุนเครือข่าย ลักษณะแชร์ลูกโซ่ คล้ายกับการหลอกลวงประชาชน มีผู้เสียหายที่ถูกเชิญชวนไปร่วมทำธุรกิจ

ต่อมา 17.00 น. ภายหลังการประชุม กว่า 2 ชม. นางสาวจิราพรจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุว่า พลตำรวจเอพกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตั้งศูนย์ร้องเรียนรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งล่าสุดมีผู้เข้าไปร้องเรียนแล้ว 250 คนมีมูลค่าความเสียหาย 95 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อหาในคดีใดบ้าง เช่น มีการหลอกลวงประชาชน แชร์ลูกโซ่ หรือขายตรง รวมถึงการกระทำผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งตำรวจรับปากจะเร่งสอบสวนให้เร็วที่สุดไม่เกิน 1 สัปดาห์

ส่วนจะมีการยึดทรัพย์และให้เรื่องนี้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงของการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน ซึ่งเราก็กลัวว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ทางตำรวจ บก.ปคบ.ได้ทำหนังสือถึงสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ให้พิจารณาอายัดทรัพย์

โดยขณะนี้ ปปง.ได้เฝ้าระวังไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ถ้ามีการขยับยักย้ายถ่ายเทแบบผิดปกติจะเข้าข่ายการฟอกเงิน จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าขณะนี้ ปปง.กำลังจับตาดูอยู่ แต่ยังไม่ถึงขั้นของการอายัดทรัพย์สินเพราะมีขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมย้ำว่าขอให้ประชาชนสบายใจได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากแล้ว

นางสาวจิราพร ยังย้ำด้วยว่า ภายใน 1 สัปดาห์จะทราบผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ส่วนจะเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอหรือไม่จะต้องมีผู้เสียหายจำนวน 300 คนมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท

ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้แล้วแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.ก็ทำงานมีประสิทธิภาพในการรับเรื่องร้องเรียนและสืบสวนข้อเท็จจริง โดย สตช.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลังซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมายก็จะเข้าให้ข้อมูลกับทีมสอบสวนด้วยเช่นกัน

เมื่อถามว่าที่ประชุมมีการพูดถึงการออกหมายจับดารามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า สตช. จะมีการเรียก influencer เข้ามาสอบปากคำ ขณะที่ สคบ.ที่ดูกฎหมายโฆษณาจะเรียก “บอสพอล” หรือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล และดาราที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลในวันที่ 16 ตุลาคมนี้

และเมื่อถามว่าการตรวจเส้นทางการเงินจะรวมถึงดาราที่เป็นข่าวในขณะนี้หรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า ต้องขยายผลให้ครอบคลุม ตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลมา พร้อมยืนยันทุกคนที่เข้าข่ายต้องมาให้ข้อมูลกับทางหน่วยงานและตำรวจ

สำหรับกรณีที่มีเอกสารหลุดว่า สคบ. ส่งเรื่องไปที่ สตช. อย. และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และได้มีการตามต่อเรื่องนี้หรือไม่ นางสาวจิราพร ยอมรับ สคบ.ได้รับเรื่องร้องเรียนตั้งปี 2561 เป็นในลักษณะบัตรสนเท่ห์ให้ตรวจสอบบริษัท The icon Group แต่ สคบ. ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบจึงได้ทำหนังสือไปที่ 3 หน่วยงานดังกล่าวซึ่งทาง อย.ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่าได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้วในปี 2562 แต่ในส่วนของ สตช.ได้มีการหารือกับว่าที่ ผบ.ตร. ได้มีการตรวจสอบหนังสือที่ส่งไปว่ามีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ถ้ามีข้อมูลการสอบสวนในขณะนั้นที่เป็นประโยชน์ก็จะนำมาใช้แต่ถ้ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีการเอาผิดทางวินัยโดยไม่มีการละเว้น ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก็ได้มีการมาให้ข้อมูลกับ สตช. ขณะที่ สคบ.ก็จะทำหนังสือสอบถามอีกครั้งถึงความคืบหน้า

นางสาวจิราพร ยังชี้แจงกรณีปรากฏภาพ สคบ. มอบโล่ให้กับ ’บอสพอล’ ว่า ตอนนั้นเป็นทางบริษัท ได้เข้ามาบริจาคหน้ากากและแอลกอฮอล์ ให้กับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ในต่างจังหวัด ซึ่งสคบ.เข้าไปเป็นวิทยากรร่วมจึงได้เสนอชื่อได้รับโล่รางวัล ซึ่งเป็นโล่รางวัลเกี่ยวกับการทำสาธารณะประโยชน์ ไม่เกี่ยวอะไรกับการประกอบธุรกิจ ดังนั้นในประเด็นนี้ตนได้สั่งการ ให้เข้าไปตรวจสอบถ้าใช้โล่รางวัลผิดวัตถุประสงค์ หรือไปโปรโมทการทำธุรกิจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดก็จะเรียกคืนโล่รางรางวัล

ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ “ที่บอกมีเทวดาที่ สคบ.นั้น” ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนสบายใจ ตนได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และคณะกรรมการกลุ่มดังกล่าวเป็นคนนอก เพื่อให้มีความโปร่งใสมากที่สุด



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/lg4rsT-RUBA

คุณอาจสนใจ

Related News