สังคม
ปฏิเสธทุกข้อหา! ‘ศรีสุวรรณ’ หอบเอกสารแจงตร.ย้ำไม่เกี่ยวคดีตบทรัพย์ – ‘บิ๊กเต่า’ ไม่หวั่น มั่นใจหลักฐานแน่น
โดย petchpawee_k
24 ก.พ. 2567
64 views
“ศรีสุวรรณ” นำเอกสารคำให้การมอบ ตร.ปปป. ย้ำ คำเดิมไม่เกี่ยวคดีรีดทรัพย์ เชื่อร้องเรียนคดีทุจริตที่ผ่านมา กระทบนักการเมืองบางคน จนถูกดำเนินคดี - มองวิกฤตครั้งนี้ถือเป็นโอกาสได้เห็นใจคนที่เคยช่วย พอคราวตัวเองหวังโทรปรึกษาปิดมือถือหนีกันหมด – ด้าน “บิ๊กเต่า" ไม่หวั่น "ศรีสุวรรณ" ปฏิเสธ ยันหลักฐานแน่น
วานนี้ (23 ก.พ. 67) ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ต้องหาคดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว มีกำหนดนัดส่งคำให้การกับพนักงานสอบสวน หลังจากก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้นัดส่งคำให้การในวันที่ 16 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา แต่ทนายความของนายศรีสุวรรณได้ติดต่อแจ้งขอเลื่อน
ต่อมาเวลา 13.35 น. พบว่านายศรีสุวรรณ มาตามนัด เมื่อมาถึงนายศรีสุวรรณ ได้ทักทายสื่อมวลชน และถามว่า “ยังคิดถึงถึงพี่ศรีอยู่หรอ?” ก่อนจะให้สัมภาษณ์ ระบุว่า เดินทางมาพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจตามการนัดหมาย เพราะนัดให้มารายงานตัวทุกเดือนซึ่งครั้งนี้ตนได้เขียนคำให้การมายื่นเพิ่มโดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ไม่สามารถชี้แจงเนื้อหาของข้อกล่าวหาได้ แต่อยากพูดอยู่ 2-3 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นแรกขอบอกว่า ไม่ได้หายไปไหน แต่ตนไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้เลยตั้งแต่วันที่ 26 เดือน ม.ค.67 ซึ่งพี่น้องสื่อมวลชนไม่สามารถติดต่อได้เลย จนทำให้หลายคนอาจจะมองว่าหยิ่ง แต่ขอยืนยันว่าไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้จริงๆ แม้แต่ชาวบ้านที่ต้องการติดต่อ รวมทั้งคนที่มอบอำนาจให้ตนฟ้องคดีเยอะแยะมากมายทั่วทั้งแผ่นดินก็ไม่สามารถติดต่อได้ แต่เชื่อว่าหลายคนคงติดตามทางข่าวอยู่แล้ว และขอบอกว่า “สบายดี ยังมีกำลังใจได้ 100%”
ประเด็นต่อมา นายศรีสุวรรณ บอกว่า ทุกท่านรู้จักผมดี รู้จักกันมากว่า 10 ปี แม้แต่ บก.ข่าวที่เขียนข่าวให้ผู้ประกาศอ่าน บางครั้งรู้สึกว่าดรามามากเกินไป บางครั้งดูข่าวแล้วก็หัวเราะข้อมูลที่ออกมา เช่น “พี่ศรีไม่ได้ทำงานอะไร ร้องเรียนอย่างเดียว แล้วมีทรัพย์สินเยอะแยะมากมายได้อย่างไร” ก่อนจะบอกว่า ตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจากชาวบ้านมาทั้งแผ่นดิน แล้วคดีที่ฟ้องต่างเป็นคดีที่หลายคนให้ความสนใจตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
อีกอย่างตั้งแต่มีศาลปกครองขึ้นมาในประเทศไทยฟ้องมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 คดี และน่าจะมากที่สุดในประเทศไทยด้วยซ้ำไป ซึ่งคดีที่ชนะล้วนเป็นคดีใหญ่ทั้งระดับประเทศ และระดับโลกก็ยังมี เช่น คดีแรกที่ชนะ คือ คดีรถเมล์ ขสมก. ควันดำ คดีปิดโรงงานมาบตาพุต 67 โรงงานเมื่อปี 2560 คดียุติโครงการบริหารจัดการน้ำ 35 แสนล้าน และคดีล่าสุดคดีแอชตัน อโศก ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของตนทั้งนั้น ซึ่งตนทำงานช่วยเหลือคนมาทั้งแผ่นดิน ก่อนจะย้ำว่า “ไม่ใช่ว่าศรีสุวรรณไม่มีอาชีพอะไร”
ส่วนหลายคนตั้งคำถามว่า “เรียนจบด้านเกษตรมา มาทำอย่างนี้ได้อย่างไร?” ตนขอเรียนว่าตนจบมา 6 ปริญญา ป.ตรี 3 ใบ (ใบแรกจบด้านเกษตร ม.แม่โจ้ ใบที่ 2 จบสารนิเทศ และใบที่ 3 จบนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง) ป.โท 2 (ใบแรกนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง และใบที่สองด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และ ป.เอก 1 ใบ คือด้าน Public policy and management เพราะฉะนั้น ผมมีความรู้ ที่มาช่วยชาวบ้านทั้งแผ่นดิน
ส่วนกรณีที่บางคนบอกว่าไม่มีอะไรแต่ทำไมมีทรัพย์สินเยอะ ขอบอกว่าทรัพย์สินผมได้มาจาก น้ำใจของชาวบ้าน ที่มอบให้ตลอดระยะเวลา 20-30 ปี
ทั้งนี้ หลายคนบอกว่าศรีสุวรรณสะสมงาช้าง ขอบอกว่างาช้างเหล่านี้ตนซื้อมาจากบ้านถวาย ซึ่งเป็นไม้แกะสลักทั้งนั้น ส่วนครุฑซื้อมาจากร้านของเก่าไม่ได้มีมูลค่าตามทีข่าวรายงาน
นายศรีสุวรรณ ยังย้ำว่า งานที่ตนทำและช่วยเหลือประชาชนเป็นงานที่เกี่ยงข้องกับนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงทั้งสิ้น ซึ่งข้าราชการและนักเมือง 100% ไม่มีใครชอบขี้หน้าศรีสุวรรณหรอก รังเกียจศรีสุวรรณตลอด ถ้ามีโอกาสที่จะกระทืบศรีสุวรรณ คงทำเต็มที่ ซึ่งทุกคนคงอยากให้ศรีสุวรรณล้มหายตายจากประเทศไทยด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่มีคนทุกคนคงสบายใจ ทำอะไรก็ได้ตามสบายใจ
นายศรีสุวรรณ บอกว่า วิกฤตครั้งนี้ ก็เป็นโอกาสเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้บางคนเดือดร้อน ก็มาหาตน แต่พอถึงคราวตนเดือดร้อน จะขอคำปรึกษา ก็ปิดมือถือไม่รับสายกัน จึงทำให้ได้เห็นจิตใจของแต่ละคน และในอนาคตถ้าตนมีโอกาสได้กลับไปทำงานต่อ ก็อาจจะต้องเลือกคนให้ดี
จากนั้นนายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ตนได้เตรียมเอกสารคำให้การมา 16 หน้า เป็นการอธิบายขั้นตอนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พนักงานสอบสวนเข้าใจ พร้อมยืนยันว่า มั่นใจในข้อมูลที่มีพร้อมสู้คดีนี้อย่างเต็มที่ โดยกระบวนการยุติธรรมนั้นไม่ได้จบในวันสองวัน ยังต้องสู้กันไปอีกนาน
เมื่อถามว่า สังคมมองว่านายศรีสุวรรณ รู้ขั้นตอนด้านกฎหมายและข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ จึงนำมาใช่เป็นช่องทางหากินหรือไม่ นายศรีสุวรรณ ตอบว่า สิ่งนี้ก็ถือเป็นข้อกล่าวหา แต่ตนทำงานนี้มานับ 10 ปี แล้ว ถ้าทำตามที่กล่าวหามานานแล้วจริง ทำไมเรื่องเพิ่งมาแดงตอนนี้ โดนตนมองว่า เป็นเพราะระยะหลัง ตนร้องเรียนอย่างหนักแทบทุกวัน คงไปเหยียบตาปลาขนาดใหญ่ ซึ่งคนธรรมดาไม่กล้าทำ ต้องคนชื่อศรีสุวรรณทำเท่านั้น และตนเล่นแต่นักการเมือง ตาปลาที่ไปเหยียบในครั้งนี้ก็คงเป็นนักการเมือง
เมื่อถามถึงประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ร่วมขบวนการเดียวกันกับ เจ๋ง ดอกจิก และ อาจารย์เอก หรือไม่นั้น นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตนขอไม่พูดเรื่องที่เป็นเนื้อหาของคดี เพราะตอนนี้ตนเป็นเป้าหลัก เชื่อว่าสุดท้ายกระบวนการยุติธรรมจะสีคำพิพากษาออกมาเอง ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ตนก็ไม่ได้พูดคุยกับผู้ต้องหาคนอื่นเลย
ส่วนเรื่องการฟ้องกลับ ตอนนี้ตนยังไม่ได้คิด ขอเอาเรื่องตัวเองให้มันพ้นวิกฤตไปก่อน ยอมรับว่าหนักใจพอสมควร แต่ไม่ถึงที่สุด คดีแบบนี้ ถูกกล่าวหา ก็แค่แสวงหาข้อมูลพยานหลักฐานข้อกฎหมายให้หนาแน่น ตนมีทีมงานหลายๆ คน ช่วยกันระดมสมองในการต่อสู้ทุกวิถีทาง จึงมั่นใจมาก
เมื่อถามถึงภรรยาที่โดนแจ้งข้อกล่าวหาด้วย นายศรีสุวรรณ บอกว่า ภรรยาตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง อะไรแน่นอน ปกติต้องเป็นคนต้อนรับแขกอยู่แล้ว พร้อมชี้ให้เห็นว่า การเอาเงินไปแขวนหน้าบ้านนั้น มีพิรุธหรือไม่
ต่อมาภายหลังให้ปากคำเพิ่มเติมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นายศรีสุวรรณ ก็เดินทางกลับทันที โดยบอกสั้นๆเพียงว่า พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้มารายงานตัวอีกครั้งวันที่ 22 มี.ค. 67 ส่วนโทรศัพท์มือถือ ยังไม่ได้คืน เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องนำเรื่องนี้เข้ามติที่ประชุมก่อน พร้อมฝากถึง FC ว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ตนยังรับว่าความทำคดีช่วยชาวบ้านตลอดเวลา และขอให้เชื่อมั่นในตนเองเหมือนเดิม
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้นัดหมายผู้ต้องหาให้ทำคำให้การมาส่งตามกำหนดที่ขอเลื่อนไว้ และได้ให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังต้องการข้อมูลอยู่ โดนยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานสำคัญชัดเจน ทั้งเส้นทางการเงินก่อนเกิดเหตุ และธนบัตรขณะเกิดเหตุ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ตอนนี้ผู้เสียหายบางกลุ่มเริ่มลังเลที่จะมาให้ข้อมูล พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยืนยันว่า ไม่มี ตอนนี้มีแต่จะเพิ่มวงขึ้น ตอนนี้เข้าสู่วงที่ 3 แล้ว กำลังประสานพูดคุยกับผู้เสียหาย เพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วค่อยไล่สอบตามไทม์ไลน์
สำหรับโทรศัพท์ของนายศรีสุวรรณนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่า อันไหนเป็นของกลาง อันไหนให้คืนได้
กรณีที่นายศรีสุวรรณบอกว่า การนำเงินไปแขวนเงินหน้าบ้าน เป็นการพยายามดิสเครดิตตัดขา พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง จะไปดิสเครดิตทำไม วันนั้นตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอดที่มีการเจรจาพูดคุยกันกับผู้เสียหาย ส่วนที่บอกว่าน่าจะไปเหยียบตาปลานั้น มองว่าน่าจะเหยียบไว้เยอะด้วย ไม่ใช่แค่เคสเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผู้ต้องหาคนอื่น ได้แก่ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และ นางสาวพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือ การ์ตูน ได้ให้ทนายความขอเลื่อนส่งคำให้การไปเป็นวันที่ 26 ก.พ. 67 ขณะที่นายเอกลักษณ์ วารีชล หรือ อาจารย์เอก ยังไม่มีกำหนดเข้ายื่นคำให้การแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งความความเคลื่อนไหววานนี้ (23 ก.พ.67) ที่ บก.ปปป. พบว่า นายดนุเดช ศิริวงศ์ตระกูล ทนายความของนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ได้เดินทางเข้าพบตำรวจ ปปป. โดยนายดนุเดช บอกเพียงสั้นๆว่า เดินทางมายื่นร้องเรียนให้ ปปป. ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ลพบุรี และนครราชสีมา ที่เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ นำที่ดินเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. ไปหลอกชาวบ้านเช่าทำการเกษตร มูลค่าเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท
ส่วนเรื่องของอธิบดีกรมการข้าวนั้น ตอนนี้ได้มอบให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดแล้ว
ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/9_2WUmNbFno
แท็กที่เกี่ยวข้อง ศรีสุวรรณ ,ตบทรัพย์ ,อธิบดีกรมการข้าว ,ศรีสุวรรณตบทรัพย์