สังคม

หนุ่มขับเบนซ์โชว์กร่าง เฉี่ยววินจยย. ชักปืนขู่ อ้างพ่อเป็น ตร.ใหญ่ ค้นรถเจอไอซ์-ปืน สวมทะเบียนปลอม มีคดีติดตัวเพียบ

โดย petchpawee_k

26 ส.ค. 2566

380 views

“หนุ่มขับรถเบนซ์” โชว์กร่างขับปาดหน้าวิน จักรยานยนต์ ถูกกลุ่มวิน จยย.ล้อม ชักปืนขู่อ้างไม่พอใจวินจยย.ให้ของลับ และอ้างรู้จักนายตำรวจใหญ่ ตำรวจควบคุมตัวพบ ปืน-ยาเสพติดซุกท้ายรถ ใช้ทะเบียนรถปลอมตรวจสอบประวัติคนขับคดีติดตัวเป็นหางว่าว


วานนี้ (25 ส.ค.) เวลา 08.30 น.เกิดเหตุชุลมุนระหว่างกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์กับคนขับรถเบนซ์ หน้าโรงแรมนิกโก ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งภายหลังพบว่าคู่กรณีฝั่งขับรถเบนซ์มีท่าทีมึนเมา ขาดสติพยายามชักอาวุธปืนมายิงกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ จนตำรวจ สน.ทองหล่อ เดินทางมาควบคุมสถานการณ์ และพบยาไอซ์จำนวน 2 ขีด ที่ท้ายกระโปรงรถเบนซ์ ก่อนจะนำตัวทั้งหมดมายัง สน.ทองหล่อ


โดยตำรวจให้ข้อมูลว่า บนรถเบนซ์คันดังกล่าวมี ผู้โดยสารรวมคนขับทั้งสิ้น 6 คน ภายในรถพบอาวุธปืนไม่มีทะเบียน ขนาด .25 มม. อยู่ใต้เบาะคนนั่งข้างคนขับ และเครื่องกระสุนจำนวน 3 นัด จากการนำทั้ง 6 ราย ไปตรวจสารเสพติดเบื้องต้นพบปัสสาวะเป็นสีม่วงทุกคน จึงนำตัวไปตรวจสารเสพติดเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล


 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ทองหล่อ ได้นำตัวผู้โดยสารรถเบนซ์ทั้ง 6 ราย กลับมาที่โรงพัก โดยทันทีที่เดินทางมาถึงทางเจ้าหน้าที่ได้ทำตัวทั้ง 6 เข้าไปยังห้องปฏิบัติการสายตรวจทันที โดยทั้งหมดไม่ได้พูดอะไรกับสื่อมวลชน จากการสังเกตเห็นว่ามีสีหน้าเรียบเฉย กึ่งเคร่งเครียดและพยายาม ใส่แว่นหรือนำผ้ามาคลุมศีรษะเพื่อปกปิดใบหน้า


กระทั่งเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหญิงสาวซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 ผู้โดยสารรถเบนซ์ ไปเข้าห้องน้ำใน สน.ทองหล่อซึ่งระหว่างนั้น สื่อมวลชนได้พยานสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องยาเสพติดและอาวุธปืนปรากฏว่าหญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งมีอาการเหม่อลอย ไม่พูดอะไรกับสื่อมวลชน ตอนหลังยกมือปฏิเสธแล้วบอกสั้นๆ ว่า “สถานที่ราชการนะคะ” ก่อนจะนำตัวเข้าด้านใน


เบื้องต้นรถเบนซ์คันดังกล่าวเป็นรถรุ่น CLA-250 สีเทา ติดป้าย ทะเบียน 3 ขพ 3971 กรุงเทพมหานคร โดยจากการสังเกตป้ายทะเบียนด้านหลัง พบว่าได้นำสก๊อตเทปใสปิดทับแผ่นป้ายทะเบียนในลักษณะของการติดประกอบกัน ส่วนป้ายด้านหน้ารถ พบว่าได้ติดกาวสองหน้ากับตัวรถ


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำป้ายทะเบียนด้านหน้ารถไปตรวจสอบกับตัวเลขถังของรถ ตั้งข้อสงสัยว่ารถคันดังกล่าวสวมทะเบียนหรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางมาตรวจค้นหาพยานหลักฐานและลายนิ้วมือแฝงในรถเบนซ์


นายศราวุธ  อายุ 29 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง คู่กรณีขับรถเบนซ์ เล่าว่า เหตุเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 08.30 น. ขณะที่ตนเองอยู่ระหว่างวิ่งรถรับส่งผู้โดยสารตามปกติบนถนนทองหล่อ เมื่อมาถึงบริเวณทองหล่อ ซอย 10 ได้พบกับรถคู่กรณีที่อยู่ช่องทางด้านซ้ายแต่มีการหักมาหาตนเองที่วิ่งหลบรถอยู่ทางช่อง ทางด้านขวา ตนเองจึงบีบแตรเตือนไปด้วยความตกใจ แต่คู่กรณีเกิดความไม่พอใจจึงมีการจอดรถขวางกลางถนน


จากนั้นตนจึงหลบไปจอดฝั่งตรงข้ามแต่คู่กรณีวิ่งตรงมาพร้อมกับมือดำอยู่ในกระเป๋ากางเกงและใช้มือซ้ายต่อยเข้าที่ใบหน้าตนเอง 1 ครั้ง จนเกิดการชุลมุนเพราะวินรถ จยย. คนอื่นที่ขับผ่านไปผ่านมาเริ่มมารวมตัวกันก่อนที่เรื่องจะเริ่มชุลมุนหนักขึ้น และคู่กรณีมีการชักอาวุธปืนขึ้นมาจะยิงใส่กลุ่มตนเองและวินรถจักรยานยนต์เพื่อหวังว่าจะหนีขึ้นรถออกจากจุดเกิดเหตุ แต่กลุ่มรถ จยย. พวกตนเอง ได้ช่วยกันปิดล้อมเอาไว้จนในเวลาต่อมาตำรวจของ สน. ทองหล่อได้เดินทางมาถึง และเข้าคุมตัวคู่กรณีไม่ได้พร้อมกับยึดอาวุธปืนจำนวนสองกระบอกและยังพบยาเสพติดอยู่บนรถอีกจำนวนหนึ่ง


 “ยอมรับรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังคงมีอาการหวัดกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยเพราะตนเองต้องวิ่งรถจักรยานยนต์ในพื้นที่และไม่รู้ว่าคู่กรณีจะกลับมาทำอันตรายอะไรหรือไม่ เพราะขณะที่มีการชุลมุนคู่กรณียังมีการอ้างว่าเป็นตำรวจด้วย”


 เวลา 17.15 น. ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหา 4 ราย ที่โดยสารมาในรถเบนซ์ (หญิง 2/ สาวประเภท 2 )ออกมาจากห้องปฏิบัติการสายตรวจ เพื่อนำตัวไปคุมตัวในห้องขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย 1 ในผู้ต้องหาที่มีอาการคล้ายอาการมึนเมา อ้างว่า ตอนเกิดเหตุฝั่งวินจักรยานยนต์มีการชักมีดออกมาข่มขู่ พร้อมอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกาย ทำให้ตนต้องลงรถไปกราบขอโทษ


ต่อมา 18.20 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาชายอีก 2 รายที่เหลือ มาทำบันทึกจับกุมและนำตัวเข้าห้องขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง และเรื่องนาเสพติดที่พบในรถ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย คือ นายยุทธนา และนายชาวิญญ์ ที่เดินเอาผ้าคลุมหัว ไม่ยอมตอบคำถามนักข่าวพยายามซักถาม


พันตำรวจเอก พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการสน.ทองหล่อ เข้าสอบปากนายชาวิญญ์ คนขับรถเบนซ์ อายุ 44 ปี  พร้อมพวกรวม 6 คน นายชาวิญญ์ อ้างว่าจะขับไปส่งเพื่อนในซอยทองหล่อ แต่ระหว่างทางวินจักรยานยนต์อยู่ด้านหน้า รถเบนซ์ตามหลังก่อที่จะปาดกันไปมาทำให้ไม่พอใจกัน รถจักรยานยนต์บีบแตรใส่ รถเบนซ์ถามว่าบีบแตรทำไมก่อนจะท้าทายกัน และฝ่ายวินจักรยานยนต์รับจ้างได้ให้ของลับ ก่อนที่จะจอดรถทะเลาะวิวาทกันตามในคลิป


สำหรับผู้โดยสารทั้ง 6 ราย ถูกแจ้งข้อหาดังนี้

 1) นายชาวิญญ์  อายุ 44 ปี คนขับรถเบนซ์ แจ้งข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ,ใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม , ร่วมครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 เพื่อจำหน่าย , เสพยาเสพติดประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน  และข้อหาตาม พ.ร.บ.การจราจร


2) นายยุทธนา อายุ 40 ปี ผู้โดยสารนั่งข้างคนขับ แจ้งข้อหาครอบครองยาเสพติดประเภทที่ , และร่วมกันครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้เพื่อจำหน่าย


3) น.ส.ธามน  ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย อายุ 34 ปี แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1


4) นายปัญจรัตน์ อายุ 21 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1


 5) น.ส.จิรันธนิน  อายุ 36 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1


6) นายอิทธิพัทธ์ เลาหสินนุรักษ์ อายุ 21 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1


ทั้งนี้ พบว่านายชาวิญญ์ คนขับรถเบนซ์มีประวัติต้องโทษในคดีอาชญากรรมหลายคดี ได้แก่ คดีทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ผู่อื่น ท้องที่ สน.สุทธิสาร ปี 2556, คดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ท้องที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ปี 2555 , คดีบุกรุกที่ดิน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ปี 2553


ประเด็นที่นายชาวิญญ์ อ้างว่ารู้จักกับตำรวจระดับสูงนั้น เป็นการกล่าวอ้างมากกว่าและจากการตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยนายชาวิญญ์ ให้การว่าตัวเองไม่ได้กล่าวอ้างว่าตนเป็นตำรวจและไม่รู้จักกับตำรวจระดับสูงแต่อย่างใด


 จากการตรวจสอบรถเบนซ์ พบว่า สวมทะเบียนปลอมแต่เจ้าของรถอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และยังทำการผ่อนไม่หมด แต่ตัวผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นรถของลูกค้าที่เอามาแต่งที่นายชาวิญญ์ อ้างว่าชอบแต่งรถเลยเอารถมาลอง แต่ตัวนายชาวิญญ์ ปฎิเสธว่า ไม่มีอู่ซ่อมรถแต่ทำธุรกิจเสื้อตราห่านคู่ ทำให้ตำรวจยังต้องสอบสวนผู้ต้องหารายนี้อย่างละเอียดอีกครั้งเนื่องจากยังคงให้การวกวนสับสน ส่วนประเด็นการกล่าวอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจใหญ่จากการสอบสวนพบเป็นเพียงคำกล่าวอ้างเท่านั้น


ส่วนนายยุทธนา ที่ถูกระบุว่าเป็นบุตรชายของตำรวจนั้น จากการตรวจสอบพบว่านายยุทธนา เป็นลูกของตำรวจจริงแต่เป็นเป็นตำรวจชั้นประทวนยศดาบตำรวจใน จ.พระนครศรีอยุธยาและเกษียณอายุราชการแล้ว

https://youtu.be/haIWthRrKrg

คุณอาจสนใจ