กรมเจ้าท่าสั่งงดการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก - ปภ.ย้ำ 5 จว.ลุ่มเจ้าพระยา-ป่าสักฯ รับมือน้ำสูงขึ้น 8 ต.ค.เป็นต้นไป

วานนี้ (8 ต.ค.) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำ วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม 2565 มีความไหลเชี่ยวรุนแรงขึ้น เวลาปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา แตะระดับ 3,000 ลบ.ม/วิ ในขณะที่เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา มีระดัยความเร็ว  2,877 ลบ.ม/วิ ปริมาณน้ำไหลผ่านเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ลบ.ม/วิ ระดับน้ำที่บ้านป้อม พระนครศรีอยุธยา ระดับตลิ่ง 4.35 ม. ระดับน้ำ 5.69 ม. เมื่อเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 5.67 ม ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 2 ซม.



ปริมาณน้ำระบายท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไหลผ่านสถานี S.28 อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 861 ลบ.ม/วิ เมื่อเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 830 ลบ.ม/วิ ปริมาณน้ำระบายเพิ่มขึ้น 31 ลบ.ม/วิ ระดับน้ำที่ สถานี S.26 (เขื่อนพระรามหก) อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระบาย 1,052 ลบ.ม/วิ ระดับตลิ่ง 8 ม. ระดับน้ำ 9.86 ม. เมื่อวาน 9.81 ม. ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 5 ซม.  สถานี S.5 (สะพานปรีดี-ธำรง) อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรียุธยา ระดับตลิ่ง 4.70 ม. ระดับน้ำ 4.79 ม. เมื่อวาน 4.78 ม. ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 1 ซม.



เป็นผลให้กรมเจ้าท่าออกประกาศเขตควบคุมการเดินเรือในแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่หน้าวัดพนัญเชิง ถึงอำเภอนครหลวง และแม่น้ำเจ้าพระยา ถึงตังหวัดอ่างทอง ส่งผลให้เรือเพื่อการบรรทุกสินค้า และลากจูงต้องงดทำการขนส่งจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น



ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า จำเป็นต้องออกประกาศดังกล่าวเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากดารเดินเรือ และป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อตลิ่งและบ้านเรือนตลอดแนวแม่น้ำดังกล่าว



ขณะที่ด้านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่า จะมีปริมาณน้ำท่าไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ช่วงระหว่างวันที่ 8 -14 ตุลาคม 2565 รวมจำนวน 492.38 ล้านลูกบาศก์เมตร และวันที่ 14 ตุลาคม 2565 คาดการณ์ปริมาตรน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะมีจำนวน 1,030.61 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้น กรมชลประทานจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตรา 830 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที



โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ถึงเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 30 –50 เซนติเมตร โดยปริมาณน้ำที่ระบายเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ อำเภอท่าเรือ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา อยู่ระหว่างอัตรา 80 - 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป



ปภ.จึงได้แจ้งเน้นย้ำไปยัง 5 จังหวัดลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี เฝ้าระวังผลกระทบระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 65 เป็นต้นไป โดยกำชับจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ



โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามริมแม่น้ำติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งผู้ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ผู้บังคับเรือโดยสาร/เรือโยงขนส่งสินค้าหรือวัสดุ ท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะ ตลอดจนแจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และ เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง



สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ขอให้ติดตามประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ



โดยประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/_wIrnAfA-z0