อาชญากรรม

‘คิวพี’ รับทราบข้อกล่าวหา จุดธูปขอขมาศพ กราบครอบครัวเหยื่อเจ็ตสกี

โดย nattachat_c

21 ส.ค. 2567

171 views

‘คิวพี’ หน้าเครียดรับทราบข้อกล่าวหา “ขับขี่โดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” หลังกรมเจ้าท่าฯ แจ้งความเอาผิดไม่มีใบอนุญาตขับขี่เรือ เจ้าตัวโผล่จุดธูปวางหรีดขอขมาศพเหยื่อเจ็ทสกี ร้องไห้ตลอดเวลา ไหว้ขอโทษครอบครัว บอกเสียใจ ไม่ได้ตั้งใจ ก้มกราบเท้าแม่และสามีผู้โดยสารที่เสียชีวิต พ่อคิวพีมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นช่วยงานศพ พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง เผยเตรียมบวชหลัง 24 ส.ค.


จากกรณี นายชินดนัย แซ่ลิ้ม หรือ คิวพี อายุ 21 ปี นักแสดงวัยรุ่น ขี่เจ็ทสกีพุ่งชนเรือหางยาว จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิตอีก 2 ราย เหตุเกิดในแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับท่าน้ำวัดบางกระเจ้านอก ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลา 21.00 น.


วานนี้ (20 ส.ค. 67) เวลา 11.00 น. นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรปราการ มอบอำนาจให้นายคณาธิป ภู่พันธ์ศรี เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน สำนักงานเจ้าท่า สาขาสมุทรปราการ นำหลักฐานแจ้งความเอาผิดกับ คิวพี


นายคณาธิป ภู่พันธ์ศรี เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญการกรมเจ้าท่า สมุทรปราการ เปิดเผยว่า ตนมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ขับขี่เรือเจ็ทสกี ในข้อหาไม่มีประกาศนียบัตร หรือใบนายท้าย หรือใบขับขี่เรือ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งโทษของการที่ไม่มีใบประกาศนียบัตรฉบับนี้ มีโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 1,000 - 10,000 บาท


ด้าน พ.ต.อ.ประเสริฐสุข เฮงสุวรรณ์ ผกก. สภ.พระประแดง เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษและดำเนินคดีกับคิวพี ในข้อหา “ขับขี่โดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


ส่วนข้อหาของกรมเจ้าท่า ความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตนายท้ายเรือและบรรทุกผู้โดยสารเกินที่กฎหมายกำหนด ทางกรมเจ้าท่าสมุทรปราการได้เปรียบเทียบปรับตามอัตราโทษสูงสุด คือ 10,000 บาท ซึ่งถือเป็นอันสิ้นสุดคดีแล้ว และออกใบเสร็จให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งใบอนุญาตให้ใช้เรือจำกัดเพียงแค่ผู้โดยสาร 1 ท่าน แต่วันเกิดเหตุ เรือดังกล่าวโดยสารรวมทั้งหมด 3 ท่าน ซึ่งผิดเงื่อนไขจึงทำให้เกิดอันตราย จึงดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ คงเหลือไว้แต่เพียงคดีอาญา ซึ่งจะแจ้งข้อหากับคิวพีต่อไป


ในความผิดทางคดีของเรือหางยาว หากตรวจพบว่าเรือไม่มีทะเบียน หรือผู้ขับเรือไม่มีใบนายท้ายเรือ ก็มีความผิดในแบบลักษณะเดียวกัน แต่เนื่องจากไม่สามารถสอบสวนผู้เสียชีวิตได้  จึงจะเรียกสอบพยานอีก 1 ปาก ที่รอดชีวิตของเรือลำนั้น แต่จะดำเนินการหลังจากเสร็จงานศพเรียบร้อยแล้ว


นอกจากนี้ กรมเจ้าท่าสมุทรปราการ จะรณรงค์เรื่องความปลอดภัย ผู้ขับเรือข้ามฟาก ทั้งเรือเล็กและเรือโดยสาร ให้สวมเสื้อชูชีพ  แนะนำให้มาสอบความรู้ใบประกาศนียบัตร พร้อมกับนำเรือมาจดทะเบียนอย่างถูกต้องทั้งจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เรือรับจ้างประจำทางจะมีใบนายท้าย และทะเบียนเรือถูกต้อง ส่วนเรือที่เกิดเหตุ ค่อนข้างที่จะตรวจสอบยาก เพราะเป็นประชาชนและเขาโทรเรียกให้บริการกันเอง หลังจากเกิดเหตุจึงทราบว่า เรือลำดังกล่าวไม่มีทะเบียน


พ.ต.อ.ประเสริฐสุข เฮงสุวรรณ์ ผกก. สภ.พระประแดง เปิดเผยว่า จากการสอบสวน คิวพี  มีท่าทีเสียใจและรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนที่มีภาพว่า คิวพี ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย จากการตรวจสอบยังไม่มีหลักฐานที่แสดงได้ว่าเป็นความจริง รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ได้เป่าแอลกอฮอล์ในวันเกิดเหตุแล้ว พบว่าเป็น 0% และมีการไปตรวจสอบกับร้านค้าในวันเกิดเหตุที่คิวพีไปกิน ก็พบว่าไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


จากนั้น ช่วงบ่าย วานนี้ (20 ส.ค. 67) ‘คิวพี’ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยมาพร้อมคุณพ่อ นายวันชัย แซ่ลิ้ม หลังรับทราบข้อหาเสร็จ คิวพีและพ่อ เดินออกจากสถานีตำรวจและเดินทางกลับทันที โดยไม่ตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว  


อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ คิวพี ให้สัมภาษณ์ยืนยันจะชดใช้เยียวยาค่าเสียหายให้กับฝ่ายญาติผู้เสียชีวิต และจะบวชให้กับผู้เสียชีวิตเพื่อเยียวยาทางจิตใจ และจะเลิกขับเจ็ทสกี

------------

ต่อมา ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดวัดบางยาง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่ตั้งศพนายประยูร อ่วมปทุม คนขับเรือหางยาว


ทีมข่าวทราบว่า คืนวันที่ 19 สิงหาคม หลังสวดพระอภิธรรมเสร็จและเป็นช่วงที่สื่อมวลชนทำข่าวเสร็จ กลับกันหมดแล้ว คิวพีเดินทางมาที่งานศพ โดยนั่งเคียงข้างพ่อของตัวเอง และยกมือไหว้ขอโทษครอบครัวนายประยูร จากนั้นพ่อของคิวพี ได้พูดคุยกับญาติของนายประยูร ส่วนคิวพีได้แต่นั่งก้มหน้า ไหว้ศพนายประยูร พร้อมกับคุณพ่อ จากนั้น ไปจุดธูปขอขมาศพ ซึ่งพ่อของคิวพีพูดถึงเรื่องเยียวยา ก่อนจะพาคิวพีเดินทางกลับ


นางสาวประภาศรี อ่วมปทุม ลูกสาวคนเล็กของนายประยูร เปิดเผยว่า คิวพีมาขอขมาศพพ่อของตน ซึ่งขณะนั้น ฟังสวดพระอภิธรรมใกล้เสร็จ และกำลังกรวดน้ำ คิวพีไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเสียใจ ไม่ได้ตั้งใจ ยกมือไหว้ขอโทษอย่างเดียว นั่งร้องไห้ตลอด


ตนบอกกับคิวพีว่า หากรู้ว่าผิดตนเองก็ให้อภัย แต่ต้องไปจุดธูปไหว้พ่อพี่ก่อน ช่วงที่จุดธูปไหว้ศพ คิวพีก็นั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ พ่อเขา ซึ่งพ่อของคิวพีก็นั่งจุดธูปขอขมาศพด้วย


พ่อของคิวพีบอกจะรับผิดชอบทุกอย่าง เบื้องต้นมอบเงินเยียวยาช่วยค่างานศพ 2 หมื่นบาท ส่วนเรื่องที่คิวพี อกจะบวชให้ผู้เสียชีวิต ตอนคุยกันคิวพี ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่ถ้าคิวพีบวช ก็อนุโมทนาบุญด้วย ทีแรกคิดว่าคิวพีคงไม่มางานศพ ส่วนตัวมองว่าคิวพีคงเสียใจจริง ๆ


ลูกสาวของนายประยูร ยังกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ถ้าเป็นไปได้  ไม่อยากให้พ่อตาย รับไม่ได้ อยากให้พ่อมีชีวิตอยู่เหมือนเดิม ถึงจะจนยังไงก็อยากให้อยู่ด้วยกัน พ่อเคยพูดว่า ปีนี้ จะเลิกขับเรือหางยาวแล้ว และจะกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน


ที่ผ่านมา เป็นห่วงพ่อ เพราะแก่แล้วยังต้องไปขับเรืออีก ฝากถึงคิวพี ถ้าขับเจ็ทสกีอีกก็อย่าประมาท หากเกิดอุบัติเหตุก็มีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุขึ้น แต่พอเกิดขึ้นแล้วคนสูญเสียมันทำใจยาก”


ด้าน นางมาลัย ขาวสะอาด อายุ 67 ปี ภรรยาของนายประยูร กล่าวว่า คิวพีเดินมาไหว้ และพูดว่า “แม่ผมขอโทษ” แล้วก็ขอโทษ ตนก็บอกกับคิวพีว่า “ถ้าผิดไปแล้วแม่ก็ยกโทษให้” อย่างน้อยตนก็อยากให้มาช่วยจัดงานศพให้ลุงยูร


พร้อมระบุว่า สามีขับเรือหางยาวมานาน เพราะพี่ชายของสามีอาศัยอยู่แถวนั้น ตนก็เคยเตือนสามีว่าอันตราย ให้กลับมาอยู่บ้าน ลูกก็อยากให้กลับมาอยู่บ้านจะได้ไม่ต้องไปลำบาก และลุงยูรก็บอกกับลูกว่า ปีหน้าจะกลับมาอยู่บ้านแล้ว แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อน โดยวันนี้ (21 ส.ค. 67) จะมีพิธีฌาปนกิจศพ

----------

นอกจากนี้  ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดหนองตะแบก จ.ลพบุรี สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนางปาริฉัตร หอยหมั้น ผู้โดยสารเรือหางยาวที่เสียชีวิต โดยแม่ของผู้เสียชีวิตยังอยู่ในอาการเศร้า ระบุว่า แม้คิวพีจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้ก็เป็นเรื่องของเขา ในส่วนของแม่ยังทำใจไม่ได้ ลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัว มีภาระที่จะต้องดูแลหลายชีวิต ตั้งแต่นำศพมาบำเพ็ญกุศล สวดอภิธรรมไปแล้ว 2 คืน ยังไม่มีญาติของคิวพีเดินทางมาแสดงความเสียใจแต่อย่างใด แม่และครอบครัวได้แต่พึ่งพาสื่อเท่านั้น  ไม่รู้ว่าเขาจะมาแสดงความรับผิดชอบเยียวยาอย่างไร


ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.45 น. วานนี้  คิวพี พ่อ และอา ได้นำพวงหรีดเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาเคารพศพ ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างครอบครัวผู้สูญเสียกับคิวพี หลังจากนำพวงหรีดตั้งหน้าศพเสร็จ คิวพีนั่งก้มกราบแม่ของนางปาริฉัตร ซึ่งแม่ไม่ได้พูดอะไรกับคิวพี


จากนั้น คิวพี พ่อ และอา ได้นำเงินสดใส่ซองมา 30,000 บาท มอบให้กับแม่ เพื่อแสดงความรับผิดชอบในเบื้องต้น และเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพ  ซึ่งสีหน้าแม่นางปาริฉัตร ยังดูไม่ให้อภัย


ส่วนคิวพีได้แต่ก้มหน้านิ่ง ปัดตอบผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องคดีที่ทางกรมเจ้าท่าฯ ได้แจ้งความเอาผิด ทั้งนี้ แม่ของนางปาริฉัตร เปิดเผยกับนักข่าวว่า “ถ้าไม่ชนลูกฉัน ลูกฉันก็ไม่ตาย ไม่ได้ถือโทษโกรธแค้นเขาหรอก เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ยังคาใจ”


ขณะเดียวกัน สามีของนางปาริฉัตร เดินเข้าในศาลาการเปรียญที่ตั้งศพ โดยพ่อของคิวพี ได้ลุกขึ้นเดินไปคุยด้วย ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนคิวพีก็เดินมาไหว้ และกล่าวขอโทษ ก่อนจะก้มลงกราบเท้าสามีของนางปาริฉัตร ซึ่งได้แต่ยืนนิ่ง ไม่ได้กล่าวอะไรมาก


ขณะที่ นายศรีกร ชีรณวาณิช อาของคิวพี เข้าไปพูดคุยกับทางครอบครัวนางปาริฉัตร ผู้เสียชีวิต ถึงแนวทางการช่วยเหลือ หลังจากนั้นคิวพีและพ่อ ก็ขยับเข้าไปพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และลูกชายคนเล็กของผู้เสียชีวิต


ส่วนเรื่องของการบวช คุณย่าของคิวพีดูฤกษ์ไว้ว่าจะบวชหลังวันที่ 24 ส.ค. นี้ แต่ยังไม่รู้วันว่าเป็นวันไหน และเลือกไปบวชที่วัดในต่างจังหวัด มองไว้ 2 ที่ คือ ลำปาง และระยอง

-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/1xbp79YtJW4


คุณอาจสนใจ