สังคม

จับแก๊งอ้างโครงการหลวง หลอกปชช.ลงทุน สูญรวมกว่า 269 ล้าน

โดย panwilai_c

30 ม.ค. 2567

789 views

รวบแก๊งหลอกประชาชนร่วมลงทุน "โครงการหลวง" สูญเงินกว่า 269 ล้าน ตำรวจ ปอศ. จับ 6 ผู้ต้องหาอุปโลกน์เปิดบริษัทฟอกเงินบังหน้า หลอกประชาชนร่วมลงทุน "โครงการหลวง" เสียหายกว่า 269 ล้านบาท



ตำรวจ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทั้งหมด 7 จุด ในจังหวัดกรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา ลพบุรี นครศรีธรรมราช และสงขลา ยึดของกลางกว่า 100 รายการ ประกอบด้วยรถยนต์หรู คอมพิวเตอร์ สมุดบัญชี กระเป๋าแบรนด์ นาฬิกา แหวนเพชร โฉนดที่ดิน รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท หลังสืบทราบว่า ผู้ต้องหา 6 คน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของ "โครงการหลวง" หลายโครงการวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพกลุ่มนี้



มีตัวการใหญ่ คือ และนาย จารุเดช หรือเสกสรร อายุ 41 ปี อ้างตัวว่าเป็นผู้กำกับดูแลและประสานงานกับมูลนิธิทั้งหมด แล้วให้นาง ชยาวรรณ กันทอง อายุ 60 ปี ซึ่งอดีตเป็นพนักงานประกันภัยแห่งหนึ่ง เป็นประธานโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา / มูลนิธิภูบดินทร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ และทำหน้าที่ถือสมุดบัญชีบริหารโครงการต่างๆ รวม 28 โครงการ



จากนั้นนาง ชยาวรรณ ได้ชักชวนประชาชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการหลวง โดยให้สมัครเข้าเป็นสมาชิก แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 75,000 - 100,000 บาท เพื่อรับผลประโยชน์ 13 ล้านบาทต่อหนึ่งโครงการ ในระยะเวลาหนึ่งปี และหลังจากนั้นจะได้รับเงินจากหน่วยงานรัฐ หน่วยงานละหนึ่ง 1,000,000 บาท รวม 50 หน่วยงาน เป็นเงิน 50 ล้านบาท นอกจากนี้ชักชวนสมาชิก ปลดล็อคระบบเงินในบัญชีที่จะได้ผลตอบแทน เช่นลงทุน 10,000 บาทจะได้รับผลตอบแทน 4 ล้านบาท โดยได้มีการชักชวนผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายรวม 8 ราย ที่ร่วมลงทุนเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 787,090.34 บาท อีกทั้งยังมีโครงการหนึ่งบัตรประชาชนจะได้ 1 ล้านบาท แต่ประชาชนจะต้องโอนเงินเพื่อสมัครเป็นสมาชิกคนละ 750 บาท



นี่เป็นตัวอย่างแชทไลน์ที่ นาง ชยาวรรณ ส่งรายละเอียดค่าสมัครเข้าสมาชิก เช่นมีการประชุมที่โรงแรม ผู้ชายต้องแต่งตัวอย่างไร ผู้หญิงต้องแต่งตัวอย่างไร และยังบอกด้วยว่า ทางกองงานจะเพิ่มชุดคณะกรรมาธิการอีก 2 ชุด ชุดละ 11 ท่าน รวม 22 ท่าน เข้าไปนั่งในทำเนียบรัฐบาล แต่คนที่จะเข้าไปต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 63,325 บาท 42 สตางค์ แต่จะได้ผลตอบแทนคืน 13 ล้าน และในแชทยังบอกด้วยว่า การจ่ายค่าเป็นกรรมาธิการ จะได้ผลตอบแทนกลับคืนทุกยอด จากนายใหญ่ของเราเอง และที่สำคัญทุกๆ ท่านที่เข้าไปนั่งในทำเนียบรัฐบาลโดยไม่ต้องซื้อเสียงเลือกตั้ง ก็เข้าสภาได้เลย รอบนี้อยู่ในวาระ 2 ปี + 4 ปี ตามเวลา เพราะรอบนี้เขาตั้งเส้นก่อนยุบสภา และอยู่ต่อยาวๆ 6 ปีเลย บางแชทระบุด้วยว่า สมาชิกที่สนใจจะต้องไปเซนต์เอกสารต่อหน้าราชเลขาของกองวัง ซึ่งจะต้องยืนยันตัวตน เข้าเซ็นต์ชื่อทีละคน เพื่อจะนำราชชื่อขึ้นทูลเกล้า



สาเหตุที่เร่องนี้แดงขึ้นมา เพราะมีคนสอบถามถึงรายละเอียด เช่น ชื่อนามสกุลราชเลขา หรือรายละเอียดต่างๆ แต่ทีมคนร้ายจะบ่ายเบี่ยงอ้างว่ายังเปิดเผยไม่ได้ เพราะอาจจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยแย้งมา และโครงการจะเดินหน้าต่อไม่ได้ แต่ทันทีที่ดำเนินงานเสร็จจะออกสื่อ ประกาศให้คนทั้งประเทศรับรู้ พร้อมย้ำให้ทุกคนลบแชท ภาพ และข้อความทีแคปออกไปจากห้องนี้ด้วย(ภาพ แถลงข่าว+ตรวจค้นบ้าน)จากการตรวจสอบพบว่า เริ่มหลอกลวงมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 และมีกลุ่มไลน์หลอกลวงหลายโครงการ เช่น กลุ่มแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง / โครงการในดวงใจ / หัวใจพระราชา เป็นต้น โดยพบว่ามีผู้เสียหายในกลุ่มสมาชิกรายกว่า 900 ราย เป็นเงินกว่า 269 ล้านบาท



สำหรับเส้นทางบัญชีนาง ชยาวรรณ จะใช้บัญชีของตนเองในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย ก่อนจะโอนไปยังบัญชีของนางไก่แก้ว 1 ใน 6 ผู้ต้องหา จากนั้นก็จะโอนเงินไปยังบัญชีของนายจารุเดช ก่อนโอนต่อกระจายไปยังบัญชีบริษัทที่นายจารุเดชเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งมีทั้งบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ ผลิตสื่อมีเดีย บริษัทเพลง และบริษัทผลิตเครื่องดื่มและเครื่องสำอาง รวม 4 บริษัท ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงิน



หม่อมราชวงศ์ รุจยารักษ์ อาภากร กรรมการมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ยืนยันว่า มูลนิธิเป็นองค์กรสาธารณะในการทำกิจกรรมการกุศลไม่ได้ดำเนินงานที่มีผลประโยชน์ตอบแทน ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่จะจัดร่วมกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งที่ผ่านมา มักจะมีกลุ่มการมิจฉาชีพ หลอกให้ประชาชนหลงเชื่อ โดยยืนยันว่ามูลนิธิไม่มีนโยบายเรียกหรือระดมผลประโยชน์จากประชาชน



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/zawoCO9Cy_s

คุณอาจสนใจ