'ร้านขนมไทย' ปาดเหงื่อแบกรับต้นทุนไม่ไหว! หลังราคาน้ำตาลพุ่งขึ้น ประกาศปรับขึ้นราคาขนมไทย

กลายเป็นประเด็นร้อน สำหรับราคาน้ำตาลทราย หลังสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ประกาศปรับราคาหน้าโรงงาน ขึ้นทีเดียว 4 บาท ทำให้วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระรทรวงพาณิชย์ต้องเรียกประชุมด่วน เพื่อกำกับราคาปลายทาง ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นเกืนจริง ขณะที่ร้านขายขนมหวาน เตรียมปรับราคาขึ้นตามแล้ว


อย่างร้านขนมไทยไพจิตต์ หลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ต.ในเมือง อ.เมืองนคราชสีมา ขายมานานกว่า 50 ปี มีขนมที่ขายมากกว่า 20 ชนิด ขายในราคาเริ่มต้นกล่องละ 20 บาท แต่หลังการประกาศปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย ทางร้านก็เตรียมปรับราคาขึ้น


โดยนางสาวสุภรทิพย์ ส่งเสริม เจ้าของร้านฯ กล่าวว่า จุดมุ่งหมายเดิมของทางร้านที่ตั้งราคาเอาไว้กล่องละ 20 บาทนั้น เป็นความตั้งใจของแม่ที่ต้องการให้ชาวบ้านได้กินขนมไทยในราคาถูก คนที่มีรายได้น้อยก็ซื้อกินได้ แต่จากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะน้ำตาลทราย / ไข่ไก่ แป้งสาลี กะทิ ก็ขึ้นยกแผง ทำให้ทางร้านต้องปรับราคาของขนมทุกชนิด จากเดิมเริ่มต้นที่ 20 บาท ก็จะขายเริ่มต้นตั้งแต่ 30 บาท ถ้าขนมที่มีส่วนประกอบของไข่ ก็จะเพิ่มเป็นกล่องละ 35 บาท โดยจะเริ่มในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบราคาน้ำตาลจากร้านสะดวกซื้อชื่อดัง 4 แบรนด์ พบยังขายราคาเดิม 25 บาทต่อกิดกรัม แต่บางแบรนด์เริ่มจำกัดการซื้อ เช่น ให้ซื้อได้ 2 ถึง 3 ถุง ต่อใบเสร็จ เป็นต้น แต่ถ้าลงไปดูตามร้านชำ พบว่า ราคาอยู่ที่ 28-30 บาทต่อกิโลกรัม โดยเจ้าของร้านระบุว่า น้ำตาลในสต็อกเหลือน้อย เนื่องจากโรงงานไม่ส่งของให้


ขณะที่วันนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกรทะรวงพาณิชย์ เรียกประชุมด่วนคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า หารือเรื่องราคาน้ำตาล หลังคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ประกาศปรับราคาหน้าโรงงานขึ้น 4 บาท เพื่อกำกับการขึ้นราคาขายปลีก ไม่ให้มีการฉวยโอกาส ซึ่งกระทรวงพาณิชยืไม่สามารถเข้าไปกำหนดราคาขายปลีกไ ด้ เนื่องจากน้ำตาลทรายมีกฏหมายเฉพาะ ไม่ได้อยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม ซึ่งคากว่าราคาขายปลีก เมื่อรวมกับค่าขนส่ง ราคาจะขึ้น 5-6 บาท/กิโลกรัม