สังคม
'อนันต์ชัย' มั่นใจเอาอยู่ 'บิ๊กโจ๊ก' ตั้งเป็นมือกม.สู้ชุดจับกุม ลั่นจากนี้ไม่ใช่ 'โจ๊กหวานเจี๊ยบ'
โดย panwilai_c
27 ก.ย. 2566
62 views
เข้าสู่วันที่ 3 หลังจาก "บิ๊กโจ๊ก" และลูกน้องอีก 8 คน ถูกกล่าวหาว่ารับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ ล่าสุดวันนี้ "บิ๊กโจ๊ก" ตั้งทีมทนายสู้กลับ พร้อมเปิดใจเคลียร์ทุกประเด็นที่ถูกพาดพิง โดยมีทนายอนันต์ชัย รับว่าความให้ บอก เปลี่ยนจาก "โจ๊กหวานเจี๊ยบ" เป็น "โจ๊กอัคนี"
การแถลงเปิดตัวทีมทนายความครั้งนี้เกิดขึ้นที่สโมสรตำรวจเมื่อช่วง 11 โมงที่ผ่านมา นาย อนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยอมรับว่า ได้รับว่าความให้พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจริง โดยแบ่งทีมทนายความเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ดูแลคดีของ "บิ๊กโจ๊ก" และส่วนที่ 2 คือ เรื่องของผู้ใต้บังคับบัญชาที่โดนออกหมายจับ 8 คน
โดยมองว่าการที่หน่วยคอมมานโด เข้าค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ส่วนตัวไม่เชื่อว่าตำรวจที่ไปค้นบ้าน จะไม่รู้ว่าเป็นบ้านของ "บิ๊กโจ๊ก" ดังนั้นการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกลั่นเเกล้ง ดิสเครดิตอย่างเเน่นอน เพราะมาทำในช่วงที่กำลังจะมีการแต่งตั้งตำแหน่ง "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" พร้อมระบุด้วยว่าอย่าเอาเรื่องของลูกน้อง ที่กระทำผิดมารวมกับผู้บังคับบัญชา เพราะการที่ลูกน้องทำผิดไม่ได้หมายความว่าผู้บังคับบัญชาจะทำผิดด้วย
ส่วนเรื่องที่ "บิ๊กโจ๊ก" ถ่ายภาพกับ "มินนี่" เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แล้วถูกนำมาโยงกันนั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า การเป็นบุคคลสาธารณะ เวลาจะเดินทางไปที่ไหน ย่อมมีคนมาขอถ่ายรูปเป็นปกติอยู่แล้ว และการถ่ายรูปกับคนที่กระทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความผิดไปด้วย นับตั้งแต่วันนี้ทีมทนายจะตั้งวอร์รูมติดตามข่าวสารผ่านสื่ออย่างใกล้ชิด หากใครพูดพาดพิงทำให้เสียหายก็จะฟ้องไปเรื่อยๆ ไม่ได้ฟ้องเพื่อเตะตัดขา แต่เป็นการปกป้องสิทธิของ "บิ๊กโจ๊ก" เอง
ส่วนเรื่องของการให้เงินผู้สื่อข่าวที่มาติดตามทำข่าว "บิ๊กโจ๊ก" ทนายอนันต์ชัย มองว่ามันเป็นสินน้ำใจไม่ใช่สินบน เปรียบเหมือนกับการเลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำสื่อ หากให้เงินผิด เลี้ยงข้าวก็ต้องผิดเหมือนกัน พร้อมฝากเตือนคนที่เอาข้อมูลมาเปิดเผยระวังจะผิด พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA หรือเปิดเผยข้อมูลทางราชการ เพราะข้อมูลทุกอย่างควรจะต้องอยู่ในศาลไม่ใช่โซเชียล
ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" บอกว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ให้ตัวแทนทนายความ ไปยื่นคำร้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอให้มีการไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล กรณีการขอหมายจับลูกน้องทั้ง 8 ราย เพราะโดยปกติแล้ว การขอหมายจับตำรวจ ต้องไปขอที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเท่านั้น ซึ่งต้องแจ้งยศ และศาลจะสั่งให้ออกหมายเรียกก่อน แม้จะเป็นคดีที่มีพลเรือนรวมอยู่ด้วย ก็ต้องไปขอที่ศาลทุจริตฯ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มีการหมกเม็ด ไปขอหมายจับที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่แจ้งยศให้ศาลทราบ แล้วยื่นผสมไปกับพลเรือน ทำให้ศาลออกหมายจับทั้งหมด แถมยังหลอกศาลอาญา รัชดาภิเษก ในการขอหมายค้นบ้านด้วย จะอ้างว่าเพื่อเข้าจับ พันตำรวจตรี ชานนท์ อ่วมทร นายเวรก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะเขาไม่ได้นอนที่นี่ แต่มีที่พักอยู่แฟลตพญาไท
นอกจากนี้เรื่องเงินที่นำมาใช้จ่ายดูแลลูกน้อง ยืนยันว่าเป็นเงินส่วนตัวที่เอามาสนับสนุนในการทำงาน เดือนนึงกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนก็ได้รับการสนับสนุนจากงบลับของ ผบ.ตร. ครั้งละ 6 แสนบาท โดยจะให้เงินมาประมาณ 3 เดือนครั้ง ด้วยการทำงานแบบนี้ภรรยาถึงขั้นบอกให้ "ลาออก" และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ควักเนื้อแต่ทำมาโดยตลอดเพราะมีความสุข พร้อมย้ำว่าเงินถูกกล่าวหาว่ามาจาก "มินนี่" หรือเว็บพนันออนไลน์มันไม่สอดคล้องกับเงินที่ใช้จ่ายจริงในแต่ละเดือน แล้วมากล่าวหาว่ารับเงินจากเว็บพนันได้อย่างไร
หลังการแถลงข่าวเสร็จ ทนายอนันต์ชัย ก็เดินทางมาที่รายการโหนกระแส ส่วน "บิ๊กโจ๊ก" ประชุมหารือที่สโมสรตำรวจนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางออกมาพร้อมกับ พลตำรวจตรี นำเกียรติ ลูกน้องคนสนิท ซึ่งเป็น 1 ในผู้ถูกกล่าวหาอีกคน มายังสำนักงานทนายความอนันต์ชัย ย่านโชคชัยสี่
ประมาณบ่าย 2 โมง 50 นาที "บิ๊กโจ๊ก" เดินออกมาจากสโมสรตำรวจเพื่อไปที่สำนักงานทนายความอนันต์ชัย โดยบอกว่า ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า ได้พูดคุยกับพลตำรวจตรี นำเกียรติ แล้วหรือไม่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ตอบว่า ได้คุยกันแล้ว เดี๋ยวไปพูดที่สำนักงานทนายความทีเดียว
แต่ก่อนเดินไปขึ้นรถ นายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหว ได้ถือป้าย และเข้าไปให้กำลังใจ บอกว่า ขอให้ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยิ้มตอบ และตบแขนนายวรัญชัย บอกว่า "ไม่ต้องๆ ขอบคุณมาก"
ส่วนพลตำรวจตรี นำเกียรติ ออกจากสโมสรตำรวจไปทางด้านหลัง เพื่อเลี่ยงการเจอสื่อมวลชน เพื่อเดินทางไปที่สำนักงานทนายความของทนายอนันต์ชัยเช่นกัน
บ่าย 3 โมง 25 นาที ทนายอนันต์ชัย เดินทางมาถึงที่สำนักงาน พร้อมบอกว่า ได้เชิญตำรวจทั้ง 8 นาย และ "บิ๊กโจ๊ก" มาสอบถามข้อเท็จจริงทั้งหมดทุกอย่างโดยละเอียด เพราะหากจะให้เขาเป็นทนายความทุกคนจะต้องพูดความจริงทั้งหมด หากเขาเป็นคนทำคดีก็ไม่ต้องกลัว ขอให้ทุกคนเปิดหน้าท้าชน ยืนยันไม่เคยหนักใจที่ต้องรับทำคดีนี้แต่คนที่หนักใจ จะต้องเป็น สอท. และเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการดิสเครดิต
ทนายอนันต์ชัย บอกว่า จะให้ตำรวจทั้ง 8 นาย ได้แถลงเปิดใจข้อเท็จจริงก่อน โดยมีการตั้งโต๊ะ เก้าอี้ตั้งแต่ 4 โมง 15 นาทีที่ผ่านมา
https://youtu.be/P24igYal15g