สังคม

'จุติ' เผยหลังประชุมพม. คณะครูรักและห่วงใย 'หยก' เหมือนลูก ยันเป็นตัวกลางเร่งแก้ปัญหา

โดย panwilai_c

20 มิ.ย. 2566

77 views

วันนี้ (20 มิ.ย. 66) เวลา 07.40 น. บุ้ง เนติพร ในฐานะผู้ปกครองของ น.ส.ธนลภย์ หรือ หยก เยาวชนอายุ 15 ปี พาหยกเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โดยวันนี้หยกสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงวอร์มสีดำ และรองเท้าผ้าใบ พร้อมถือไอแพดติดตัว



หยกให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า วันนี้ไม่มีความกังวลใจอะไร มาเรียนตามปกติ โดยวันนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ประชุมหารือแล้วก็จะแถลงด้วย ตนก็จับตามอง เพราะสงสัยว่าทำไมไม่ให้ตน หรือตัวแทนของนักเรียนเข้าประชุมเลย



จากนั้นหยกรีบเดินเข้าไปในโรงเรียนเนื่องจากมาถึงช่วงเวลาประตูโรงเรียนใกล้จะปิดพอดี ผู้สื่อข่าวสังเกตว่าหยกเดินเข้าเรียนได้ตามปกติโดยที่ไม่มีอาจารย์ หรือบุคคลอื่นมาขัดขวางแต่อย่างใด



ด้าน บุ้ง เนติพร กล่าวว่า หลังจากน้องหยกเข้าเรียนแล้วตนก็จะรออยู่ข้างนอกสักพักเผื่อมีเหตุการณ์อะไรที่เป็นกังวลและน่าเป็นห่วง แต่ดูจากสถานการณ์ของวันนี้ก็น่าจะไม่มีอะไรมาก อยากจะให้น้องเข้าไปเรียนได้ตามปกติเหมือนคนอื่น



หลังจากการร่วมพูดคุยนานกว่า 2 ชั่วโมง นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก่อนเปิดเผยว่า พม. จะเป็นตัวกลางประสานให้เกิดความเข้าใจ ภายหลังจากที่มีการรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น ตนก็



"รู้สึกสบายใจว่า ครู อาจารย์ มีความรัก และห่วงใยหยกเหมือนลูก และจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย"



ขั้นตอนต่อไปคือการไปพูดคุยกับตัวหยก และผู้ปกครองของหยก เพื่อรับฟังโดยรอบด้าน ซึ่ง พม.จะทำงานให้เร็วที่สุด เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย เพราะเป็นสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ



ทั้งนี้ ยืนยันว่า คณะครูมีความห่วงใยเด็กทั้งโรงเรียน ไม่เว้นแม้แต่หยก ซึ่งทุกคนอยากจะทำทุกอย่างให้หยกเข้าใจสถานการณ์ และนักเรียนทั้งโรงเรียนกว่า 4 พันคน เข้าใจสถานการณ์เช่นเดียวกัน พร้อมกล่าวขอบคุณคณะครูทุกคนที่มีความอดทน มีความเข้าใจ และมีจิตวิญญาณการเป็นครู ที่รัก และห่วงใยตัวหยก



เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คุยกันหรือไม่ว่าจะให้ใครเป็นผู้ปกครองหยก นายจุติ ระบุว่า เรื่องนี้จะทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และคณะครูในลำดับขั้นตอนต่อไป



ส่วนการประชุมวันนี้ทางโรงเรียนได้พูดคุยเรื่องสถานะการเป็นนักเรียนของหยกหรือไม่ นายจุติ ขอไม่ตอบประเด็นนี้ แต่ยืนยันว่ายึดประโยชน์ของหยกเป็นที่ตั้ง ซึ่งหยกเป็นเด็ก และเยาวชนอยู่ ก็ต้องอดทน และพยายามเข้าใจหยก เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ออกมาให้เป็นประโยชน์ และให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้



ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สถานการณ์คลี่คลายหมายความว่าอะไร และจะนำไปสู่การที่หยกจะกลับเข้ามาเรียนได้หรือไม่ นายจุติ กล่าวว่า นำสู่จุดที่ว่า "ให้สังคมอยู่ได้ หยกอยู่ได้"



เมื่อถามอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ หยกจะสามารถกลับเข้าไปเรียนได้หรือไม่ นายจุติ เผยว่า ประเด็นนี้ไม่มีปัญหา อย่างที่กล่าวไปว่าครูมีจิตวิญญาณความเป็นครูมาก รักและห่วงใยเด็ก เหมือนลูกตัวเอง ฉะนั้นคำอธิบายนี้คงเกินพอ และตนเชื่อว่า เมื่อมีความรัก ความอดทน และความเข้าใจ สถานการณ์ก็จะคลี่คลาย อะไรที่ไม่เข้าใจกันก็จะพูดคุยกัน พม. จึงได้อาสาเป็นตัวกลางไปพูดคุยรับฟังทุกๆ ฝ่าย พร้อมยืนยันว่าเราจะไม่เข้าข้างฝ่ายใด และจะไม่พิพากษาว่าใครเป็นคนผิด พร้อมจะทำให้มีทางออกที่ดีที่สุด



สำหรับประเด็นที่หยกบอกว่า เข้าไปเรียนแล้วไม่สามารถส่งงานวิชาคณิตศาสตร์ได้ นายจุติ บอกว่า เป็นปรากฏการณ์ ซึ่งจะไม่มาตอบประเด็น แต่ขอตั้งใจที่จะปัญหานี้ลุล่วงไปได้ด้วยดีที่สุด ส่วนการแต่งกายก็เป็นปรากฏการณ์ขอไม่ตอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน



นายจุติ ระบุว่า การประชุมในวันนี้ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนมาร่วมฟังด้วย ซึ่งได้รับภารกิจไปว่าจะต้องทำงานร่วมกับคณะสหวิชาชีพ และกระทรวงศึกษาธิการ



ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะต้องพูดคุยกับตัวหยกด้วยใช่หรือไม่ นายจุติ ระบุว่า จะต้องคุยกับทุกฝ่าย ทั้งตัวหยก ผู้ปกครองของหยก ส่วนการพูดคุยครั้งหน้าจะเป็นเมื่อไหร่นั้น นายจุติ เผยว่า ถ้าติดต่อไปแล้วยอมคุย ก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด



ขณะเดียวกันมีข้อเสนอว่า ควรแต่งตั้งผู้ปกครอง โดยศาลเป็นผู้ระบุหรือไม่ นายจุติ กล่าวขอไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าจะรับฟังให้รอบด้าน รวมถึงตัว บุ้ง เนติพร



นายจุติ ยังกล่าวอีกว่า สหวิชาชีพฯ ให้คำแนะนำว่า ถ้าขอได้ ขอให้สื่อ ให้พื้นที่กับผู้ปกครอง นักเรียน และโรงเรียน เพื่อให้มีสติกลับมา เพราะไม่เคยเจอกล้องตั้งอยู่หน้าโรงเรียน ที่ให้สัมภาษณ์ทุกวัน ขอเวลาให้หายใจได้บ้าง เมื่อหายใจได้แล้วเขาจะมีสติกลับมา และเกิดการพูดคุยกัน



เมื่อถามถึงพฤติกรรมเลียนแบบ นายจุติ กล่าวว่า ให้เอากรณีนี้เป็นจุดเริ่มต้น และเป็นกรณีที่ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ อย่างที่ทราบดีว่าปัญหาสังคม ร้อยคน ร้อยปัญหา ร้อยมิติ ไม่เหมือนกัน ไม่ซ้ำกัน แต่ว่าสิ่งที่ทุกคนสามารถผ่านมาได้เพราะทุกคนเป็นผู้ให้ ผู้เสียสละนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด



ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กระทรวง พม. มีเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และกระทรวง ศธ. ก็มีหน้าที่ดูแลเด็กนักเรียน ฉะนั้นเราต้องบอกว่า เมื่อประโยชน์ส่วนรวมคือเด็ก ซึ่งในอนาคตของประเทศต้องเข้มแข็ง เขาต้องมีจุดยืนของเขา มีที่ยืนของเขาไม่ว่าจะคิดอย่างไรต้องดูแลให้อยู่ในสังคมให้ได้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/uP36uRGuXH8

คุณอาจสนใจ

Related News