สังคม

'บุ๋ม-อิคคิว' ร้อง ผบ.ตร.ย้าย ผกก.มัญจาคีรี ปมสนิท 'ครูบาไก่' หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม 'ทนายธรรมราช' ฟันจะกี่คลิปก็ไม่จริง

โดย panwilai_c

26 ม.ค. 2566

80 views

อิคคิว และ บุ๋ม ซึ่งเป็นอดีตโยมอุปัฏฐากครูบาไก่ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ย้ายผู้กำกับ สภ.มัญจาคีรี ที่สนิทกับครูบาไก่ ออกจากพื้นที่ หลังถูกออกหมายเรียกไม่รู้ตัว หลังออกมาแฉพฤติกรรมของครูบาไก่ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม



นางสาว คมคาย เวกนวล หรือบุ๋ม และนางสาววาสนา เคลือบสูงเนิน หรือ อิคคิว อดีตโยมอุปัฏฐาก พระสุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่ ยื่นหนังสือถึงพลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบผู้กำกับ และผู้ใต้บังคับบัญชาที่สถานีตำรวจภูธรมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น



หลังพบว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับครูบาไก่ จึงทำให้กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากทราบว่าก่อนหน้านี้ ครูบาไก่ เคยให้เงินสนับสนุนำจำนวน 5 แสนบาท เพื่อนำมามาเทคอนกรีตหน้า สภ.มัญจาคีรี โรงพัก และนำเงินมาใช้กิจกรรมอื่นๆ ของ สภ.มัญจาคีรี



คุณบุ๋มกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้กำกับยังให้สัมภาษณ์สื่อระบุว่า ได้ออกหมายเรียกตนในข้อหาหมิ่นพระพุทธศาสนาและให้การเท็จ ต้องเข้ามาให้ปากคำ แต่แต่ความจริงแล้วขณะนั้นตนยังไม่ได้รับหมายเรียกจึงทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากพื้นที่



ทั้งนี้ ตนและอิคคิว เริ่มเข้าไปใกล้ชิดกับครูบาไก่ในฐานะโยมอุปัฏฐากตั้งแต่ปี 2564 เนื่องจากเลื่อมใสศรัทธาในตัวครูบาไก่ที่อายุยังน้อยแต่สุขุม จึงร่วมทำบุญบูรณะวัดหลายอย่างทั้งสร้างกุฏิ หล่อองค์พระ รวมแล้วกว่า5 ล้านบาท



จนวันที่ 7 สิงหาคม 2565 มีชายลึกลับทราบชื่อภายหลังว่านายเจน ได้ทักข้อความและส่งภาพลับ บอกว่าตนเป็นแฟนของครูบาไก่ จึงได้นำภาพไปสอบถามครูบาไก่และอีกฝ่ายยอมรับว่าเป็นความจริง ทั้งสองได้ให้อภัยตามที่ครูบาไก่ร้องขอ แต่หลังจากนั้นทราบว่าครูบาไก่ได้กลับไปหาผู้ชายอีกคนหนึ่งที่จังหวัดลพบุรี ทำให้พวกตนหมดศรัทธาจึงถอยห่างออกมา



ต่อมาปรากฏคลิปภาพชายหัวโล้นแต่ไม่ระบุว่าเป็นครูบาไก่กำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายคนหนึ่ง จึงไปแจ้งความกับตำรวจกองปราบให้ช่วยตรวจสอบ



พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีปัญหาขัดแย้งกับครูบาไก่ และไม่ได้ต้องการเงินที่บริจาคไปก่อนหน้านี้กลับคืน // แต่สิ่งที่ออกมาเคลื่อนไหวเพียงต้องการให้สังคมช่วยตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น และอยากให้ครูบาไก่ออกมายอมรับความจริงแบบลูกผู้ชาย และไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องการสร้างวัตถุมงคลกำไลข้อมือ ตามที่ถูกตั้งข้อสงสัย เพราะในประเด็นนี้ครูบาไก่เป็นฝ่ายเสนอให้ตนไปร่วมลงทุน



ทนายธรรมราชแจง จะอีกกี่คลิปหลุดที่อ้างว่ามีอีกหลายคลิป ก็ไม่ใช่ครูบาไก่ เพราะครูบาไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น ยันไม่ได้หลับหูหลับตาเชื่อ แต่ตรวจสอบ และแจงได้หมด พรุ่งนี้เตรียมร้อง ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ของกลุ่มคนเหล่านี้ หลังโพสต์ให้คนร่วมทำบุญ แต่ไม่ได้เอาให้วัดจริง



ทีมข่าวสอบถามไปที่ ทนายธรรมราช หรือ นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความของครูบาไก่ สอบถามเกี่ยวกับที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเผยแพร่คลิปใหม่ที่อ้างว่าเป็นคลิปครูบาไก่เพิ่มอีก



ทางทนายธรรมราช ยืนยันว่า คลิปที่เป็นคลิปโป๊เปลือย ไม่ใช่ครูบา เพราะครูบาไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น ตั้งแต่ภาพที่โชว์ของลับ ภาพคลิปตอกเสาเข็ม และคลิปอื่นๆ ทุกคลิปที่จะเปิด ก็ไม่ใช่ และไม่มี และคลิปอ้างว่ายังมีอีกเยอะ และจะเปิด ตนเชื่อว่า เป็นคลิปที่กล่าวหาว่า พระครูบาให้เณรอมนกเขาให้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่เป็นคลิปของผู้ที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์จริง อมจริง แต่ไม่ใช่พระครูบา



ที่ผ่านมาก็มีชี้แจงได้หมด ทั้งคลิปตอกเสาเข็ม ตนก็เห็นมาก่อนแล้ว และมันก็ไม่ใช่ ให้ลูกศิษย์ดูก็ยืนยันว่าไม่ใช่ //ส่วนคลิปที่จะมีอมนกเขา ก็มีภาพชัด ดูแล้วเป็นพระ แต่ไม่ใช่ครูบา แต่คลิปที่เป็นวิดีโอตัดต่อให้เห็นเฉพาะด้านหลัง คลิปเต็มเห็นหน้า ก็ไม่ใช่ และที่ตนเชื่อ ไม่ได้หลับหูหลับตาเชื่อ ตนมีพยานหลักฐาน เรื่องรูป ตั้งแต่โชว์ของลับ ตนก็เอารอยสักมาเทียบ และหลายไม่มีหลักฐานอะไรชี้ชัด ว่าเป็นพระครูบา และตนก็ถามจากปากท่านเอง บอกถามตรงๆเลยนะใช่มั้ย พอท่านบอกไม่ใช่ ตนก็ตรวจสอบเองซ้ำอีก ฝ่ายนั้นพยายามดิ้นรนที่จะเอาผิดให้ได้ เพราะทั้งเรื่องเงิน ที่ดิน เอาผิดไม่ได้ เลยต้องใช้กระแสสังคมมากดดันให้หน่วยงานรัฐ ให้พระผู้ใหญ่ลงโทษ



สำหรับการตรวจสอบที่มีหลายคนออกมาเรียกร้องให้เร่งตรวจสอบ หรือ วิพากษ์วิจารณ์ ทนายธรรมราช ระบุว่า ระหว่างนี้มีหน่วยงานรัฐ ตำรวจ ป่าไม้ ที่ดิน รวมถึงสอบสวนกลางก็เข้ามา สอบถาม สืบสวนเรื่องราวว่าเป็นมายังไง และก็ชี้แจงได้เป็นระยะๆ อยู่แล้ว ส่วนสำนักพุทธก็ชี้แจงไปแล้ว หน่วยงานไม่ได้นิ่งเฉย



ซึ่งคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนักวิชาการทางศาสนา รวมถึงหลายๆ คนที่ออกมาให้ความเห็น เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่เห็นพยานหลักฐานทุกมุม ก็เห็นตามข่าว แต่เมื่ออันไหนชี้แจงชัดแล้วก็ไปประเด็นใหม่เรื่อย ส่วนตัวมองว่าเป็นการให้ความเห็นในลักษณะที่ชี้นำเพื่อให้มองครูบาไก่ผิดให้ได้รึเปล่า



เรื่องความเห็นเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่การใช้สิทธิ์และไปพาดพิงให้คนอื่นเสียหาย แต่เมื่อไม่ได้รู้ข้อเท็จจริง มีแต่คำกล่าวหาของบุคคลนั้นฝ่ายเดียว และความเห็นนั้นทำให้ครูบาเสียหาย ก็ขอให้ดูอย่างมีสติก่อน ไม่ใช่ดูลางๆ แล้วเชื่อไปกล่าวหา เป็นบาปกรรมของคนนั้นเสียเปล่าๆ



พรุ่งนี้ ตนจะไปร้อง ปปง. เพราะตนได้หลักฐานว่ากลุ่มคนเหล่านี้ ไปถ่ายรูปกับพระ และไปถ่ายรูปกับสถานที่ก่อตั้งวัดวาอาราม โพสต์ให้คนร่วมทำบุญ แต่เงินที่ได้มา ตนไม่ทราบได้เอาไปให้วัดจริงหรือไม่ แต่ที่ตนได้ข้อมูลคือ ไม่ได้ให้ ซึ่งตนก็มีหลักฐาน เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน โดยตรวจสอบพบว่ามีบัญชีอย่างน้อยถึง 15 บัญชี


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/q-jTXzJ5Alg

คุณอาจสนใจ

Related News