สังคม

เปิดใจ 'อดีตสามี' เหยื่อและพ่อเด็กถูกลัทธิล้างสมอง ชี้คนร้ายป้อนข้อมูลให้เกลียดคนในครอบครัว

โดย parichat_p

18 ต.ค. 2565

413 views

อดีตสามีเหยื่อ และพ่อของเด็ก 2 คน ที่ถูกลัทธิล้างสมอง ทรมาน เผยขณะนี้ ลูกทั้ง 2 คน ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ โดยมีอาสาว คอยดูแลใกล้ชิด หากอาการดีขึ้น จะพาไปดูแลที่จังหวัดราชบุรี พร้อมเล่าเหตุการณ์ เคยไปตามหาลูกถึงโรงเรียน แต่ลูกกลับไม่มาหา เพราะบอกว่ากลัวพ่อ หลังถูกคนร้ายป้อนข้อมูลให้เกลียดชังคนในครอบครัว


คุณชญตร์ ทีมข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ พูดคุย (ทางโทรศัพท์) กับคุณแบงก์ อายุ 42 ปี อดีตสามีของ 1 ในเหยื่อผู้เสียหาย และพ่อของเด็กทั้ง 2 คน เปิดเผยถึงอาการของลูกทั้ง 2 ว่า ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ โดยมีน้องสาวของตน ที่มีศักดิ์เป็นอาของเด็กๆ ดูแลอย่างใกล้ชิด


คุณแบงก์ บอกว่า ตอนนี้ สิ่งสำคัญคือ การเข้าพบเด็ก ต้องดูว่าใครจะเข้าพบเด็กได้บ้าง เพราะที่ผ่านมา คนร้ายป้อนข้อมูลความทรงจำของลูกๆ ใหม่ โดยสร้างความเกลียดชังคนในครอบครัว เช่น สร้างข้อมูลให้ลูกเกลียดพ่อ เกลียดยาย ตอนนี้ลูกอยู่ในความดูแลของแพทย์ กำลังสอบถามเชิงลึกอยู่ว่า มีบุคคลใดที่เด็กถูกป้อนข้อมูลให้เกลียดชังอีกบ้าง


ซึ่งตนเอง ถูกคนร้ายป้อนข้อมูลให้เกลียดชัง จึงยังไม่สามารถเจอหน้าลูกได้ และที่ผ่านมา ตอนที่ลูกอยู่กับอดีตภรรยา และไปรู้จักกับคนร้ายแล้ว ตนเคยพยายามไปตามหาลูกที่โรงเรียน เพื่อเอาไดอารี่ และ รูปวาดของลูกไปให้ แต่ไม่ทราบว่าอยู่โรงเรียนไหน


จึงใช้วิธีค้นหาจากตราสัญลักษณ์โรงเรียน และ ไปตามหาตามร้านปักเสื้อหลายๆแห่งในกรุงเทพฯ ว่าเป็นโรงเรียนอะไร จนไปเจอ แต่พอไปถึงที่โรงเรียน ลูกเห็นตนในระยะ 100 เมตร ก็ไม่กล้าเข้ามาหา แต่ให้เพื่อนมาบอกว่า ลูกกลัว ให้พ่อกลับไป


ขณะที่อาสาว สามารถเข้าไปดูแลเด็กทั้ง 2 คนได้นั้น อาจเป็นเพราะว่า เด็กไม่ได้เล่าเรื่องของอาสาว ให้คนร้ายรับรู้ ทำให้คนร้ายไม่มีข้อมูลตรงนี้ จึงเป็นบุคคลเดียวในตอนนี้ที่ปลอดภัย และอยู่ข้างๆเด็กๆ ได้


หลังจากนี้ เมื่อเด็กๆ ไม่กลัวและเข้าหาตนเอง และญาติๆ ได้แล้ว ตนก็จะเป็นคนดูแลเด็กๆ โดยพาไปอยู่กับปู่กับย่า และเรียนหนังสือที่จังหวัดราชบุรี


ทั้งนี้แผนการที่วางไว้ในเรื่องการพาลูกไปอยู่ต่างจังหวัด คุณแบงค์ระบุว่ายังไม่ได้ตกลงกับภรรยา เป็นเพียงความคิดของตนฝ่ายเดียว ยังไม่ได้มีการหารือ หรือ ตกลงกับอดีตภรรยา ซึ่งขณะนี่้รักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลตำรวจ

คุณแบงก์ยังบอกอีกว่า ตั้งแต่อดีตภรรยาไปร่วมทำธุรกิจ ในระยะหลังที่ไปเจอกับคนร้าย ที่เข้ามาเปลี่ยนสภาพจิตใจ ก่อนที่จะเริ่มโน้มน้าวให้มาทำผลิตภัณฑ์เอง และให้มาเป็นพรีเซนเตอร์


ซึ่งตนมองว่า นี่เป็นวิธีสร้างความเห็นคุณค่าในตัวเอง หรือ self esteem จนเริ่มให้เปลี่ยนชื่อในกลุ่มเป็นอัญมณี เหมือนทำภารกิจร่วมกัน เป็นพี่น้องร่วมสาบาน และทุกวันมีประชุมกัน โดยมีจุดหมายร่วมกัน


ส่วนวิธีที่ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ หรือที่หลายคนบอกว่าเป็นการล้างสมองนั้น คุณแบงก์ บอกว่าไม่มั่นใจว่าทำอย่างไร แต่เท่าที่ลองจับประเด็นดู คนร้ายจะใช้วิธีพยายามตีสนิท พูดคุยกับเหยื่อ และสอบถามว่าเคยมีประเด็นกับใครไหม และจี้จุดนั้นโดยสร้างความเกลียดชังคนรอบๆตัว และให้ความรัก ความเคารพมาที่คนร้ายคนเดียว


ตลอดเวลาที่เหยื่ออยู่กับคนร้าย ก็มักอ้างว่าเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่าเรียนทั้งหมด แต่จริงๆ ได้มาจากการนำทรัพย์สินของเหยื่อไปเล่นแร่แปรธาตุ เช่น รถ ที่ดิน มาเปลี่ยนมาเป็นเงิน อย่างรถยนต์ที่เคยผ่อนหมดแล้วก็ขาย ก็ไปซื้อใหม่ในชื่อของเหยื่อ สุดท้ายก็เอาขายอีก ไม่ใช้ชื่อคนร้ายเลย


นอกจากนี้ ทุกวันจะมีการประชุมกันในกลุ่มของเหยื่อ และคนร้าย โดยคนร้ายจะบอกให้เหยื่อแต่ละคน ไปหาเงินมา ซึ่งก็คล้ายกับการรับงาน จึงทำให้อดีตภรรยาเริ่มทักมาขอเงินตนเอง พอถามเอาไปทำอะไร ก็ตอบไม่ได้ อธิบายไม่ได้


เท่าที่สังเกตจะไม่มีเหยื่อคนไหน ที่รู้จักชื่อจริง หรือ มีแม้แต่รูปของคนร้ายเลย ในทางกลับกัน คนร้ายกลับมีข้อมูลของเหยื่อหมดเลย จึงทำให้การระบุตัวตนของคนร้ายก็ทำได้ยาก


https://youtu.be/JOlQs6kA5M4

คุณอาจสนใจ

Related News