สังคม

กู้ภัยฯ แจงไม่ค้นหา 'วิว' พลเมืองดีตกเจ้าพระยา เพราะมีสาวแจ้งว่านำส่ง รพ.แล้ว

โดย pattraporn_a

19 พ.ค. 2565

64 views

เมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เกิดเหตุสลด เมื่อชายคนหนึ่งคลุ้มคลั่งถือขวดเบียร์บุกไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพระรามสาม ซอย 60 พอพนักงานไม่ให้เข้าเลย ใช้ขวดเบียร์ตีหัว และพยายามขโมยมือถือพนักงาน ก่อนจะขโมยแท็กซี่หนีไป แต่พนักงานร้านอาหารไม่ยอมเกาะแท็กซี่ตามไปด้วย


ช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. ขณะที่นักร้องคนนี้กำลังร้องเพลงอยู่ที่ร้านอาหารบุหลันดั้นเมฆ ที่ริมถนนพระรามสามซอย 60 อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่หน้าร้าน และเห็นคนทะเลาะวิวาทกัน เขาจึงคว้ามือถือวิ่งออกไปห้าม เสียงหนึ่งที่เขาพูด คือ "พี่วิว ใจเย็นๆ ผมขอๆ" และระหว่างนั้นเองไม่ถึง 30 วินาที นักร้องคนนี้วิ่งออกมานอกถนนพร้อมอุทานด้วยความตกใจ เพราะ 1 ในพนักงานของร้าน กระโดดเกาะท้ายรถแท็กซี่ไป และที่น่าตกใจกว่านั้น เจ้าของรถแท็กซี่วิ่งตามมาสมทบแล้วบอก "นั่นรถผม"


ซึ่งกล้องวงจรปิดที่บ้านหลังหนึ่งจะจับภาพอีกมุม เป็นช่วงเวลาที่ เจ้าของรถแท็กซี่เข้ามาปัสสาวะภายในบ้าน เขาเดินเข้ามาไม่ถึง 1 นาที ก็ได้ยินเสียงโวยวายหน้าบ้าน จึงเดินออกไปดู พบว่ารถแท็กซี่ของเขาโดยขโมยไป


จากนั้นกล้องวงจรปิดจับที่ร้านใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ จับภาพแท็กซี่สีเขียวเหลืองคันนี้ขับด้วยความเร็ว โดยมีผู้ชายคนหนึ่งเกาะอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายที่เกาะท้ายรถ คือ นายนพดล หรือวิว พิมพ์ดี อายุ 39 ปี อยู่ในท่าทางลักษณะมือจับอยู่ที่ขอบกระโปรงท้ายรถ และเท้าเหยียบที่กันชน


ซึ่งกล้องหน้ารถยนต์ของคนที่ขับผ่านมาในช่วงเวลานั้น ก็จับภาพไว้ได้เช่นเดียวกัน แม้เจ้าของรถคันนี้จะพยายามขับไล่ตาม แต่ก็ไม่ทัน พอขึ้นสะพานรถแท็กซี่ก็คลาดสายตาไป


ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมที่จับภาพได้ จะเป็นบนสะพานพระราม 3 จะเห็นว่ารถแท็กซี่ขึ้นมาบนสะพานเลนขวาสุข และเปิดสัญญาณไฟท้าย


ซึ่งจากจุดนี้ตำรวจคาดว่า คนร้ายจะเบี่ยงรถเข้าเลนซ้ายสุด แล้วไปกระแทกกับขอราวสะพาน ทำให้นาย วิว ตกลงไป หากดูร่องรอยการเฉี่ยวชนพบว่า ห่างจากเชิงสะพานขึ้นมาราว 20 เมตร ทันทีที่ชนแล้ว นาย วิว ร่วงลงไป คนขับยังไม่หยุด ยังขับไปจอดกลางสะพานพระรามสาม และกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา หากคำนวณเส้นทางจากร้านมาถึงจุดเกิดเหตุ จะพบว่านายวิวน่าจะเกาะท้ายรถมาไกลกว่า 8 กิโลเมตร ก่อนจะเสียหลักตก เพราะแรงกระแทกของรถที่ชนกับขอบทาง


หลังสถานการณ์ความวุ่นวายคลี่คลายราว 21.00 น. เพื่อนๆ ที่ร้านอาหาร พยายามตามหาวิว แต่ไม่มีใครเจอ การค้นหายาวนานเกือบ 16 ชั่วโมง กระทั่งเจอร่างของวิวขึ้นมาจากนั้นเมื่อประมาณ 11.20 น.ของเมื่อเช้าที่ผ่านมา


หนึ่งในคนที่ออกตามหา "วิว" ทั้งคืน คือ เจ้าของร้านอาหารบุหลันดั้นเมฆ ที่มีชื่อว่า นายศักดิ์ดา ถวัลวรกิจ เขาบอกว่าตั้งแต่ทราบเรื่อง คือราว 21.00 น. ก็ขับรถมาจากวงแหวนอุตสาหกรรม เพื่อมาตามหาลูกน้องคนสนิท ที่ทำงานร่วมกันมานานกว่า 13 ปี โดยมั่นใจว่าลูกน้องจะจะกระโดดลงจากหลังรถและไปตกอยู่ริมถนนที่ไหนสักแห่ง


ตอนที่เขาขับรถเลาะมาเรื่อยๆ ตั้งแต่จุดเกิดเหตุจนถึงร้านก็ยังไม่มีวี่แวว สอบถามใครก็ไม่มีใครเห็น กระทั่งมีคนบอกว่า มีเจ้าหน้าที่นำตัววิว ที่ได้รับบาดเจ็บจากการตกรถไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลิดสินแล้ว จึงประสานกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิให้ช่วยตรวจสอบยืนยัน แต่ก็ไม่พบ จึงออกตามหาโรงพยาบาลใกล้เคียง เช่น โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ หรือที่อื่นๆ ก็ไม่มี


จึงขับรถตามเส้นทางจากร้านมาที่เกิดเหตุ และไล่ถามชาวบ้านตามรายทางอีกครั้ง และมีพยานยืนยันว่าเห็นวิวเกาะท้ายรถขึ้นไปบนสะพานพระรามสาม แต่หลังจากนั้นไม่รู้หายไปไหน ทำให้เขาจำกัดวงแคบลง สุดท้ายสวนสาธารณะใต้สะพานกรุงเทพ เป็นจุดสุดท้ายที่เชื่อได้ว่าวิวน่าจะหายบริเวณนี้ เขาจึงมานั่งรอทั้งคืน


กระทั่ง 11.20 น. คือเวลาที่พบศพของวิวลอยก้มหน้าอยู่ในน้ำ ห่างจากตลิ่งราว 10 เมตร ทันทีที่นายศักดิ์ดาเห็นก็ถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก บอกเพียงว่าเมื่อเช้าเขาไปไหว้ศาลเจ้าฝั่งตรงข้ามขอให้เจอวิวโดยเร็ว แต่ไม่คิดว่าจะเจอในสภาพที่ไร้ลมหายใจแบบนี้ และไม่อยากจะเชื่อ


หลังจากนั้น นายสรวิศ ปันรัตนกุล อายุ 44 ปี พ่อครัวร้านอาหารบุหลันดั้นเมฆ เดินทางมาดูศพเพื่อนด้วยความเศร้า พร้อมกับบอกว่า วิว เป็นคนมีนิสัยดีมาก ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและรักร้านนี้มาก ไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่หากโดนทำร้ายก่อนก็จะเอาคืนเป็นคนไม่ยอมใคร ซึ่งคืนวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้มีอาการมึนเมาคล้ายคนเมายาเสพติดเดินมาจากร้านอื่น เพื่อที่จะมากินต่อที่ร้าน จากนั้นพยายามขโมยโทรศัพท์มือถือของวิว ที่นั่งอยู่บริเวณลานจอดของร้าน แต่วิวต่อสู้ คนร้ายจึงเอาขวดเบียร์ที่ยังมีน้ำเต็มตีที่หัวของวิว ก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่หนี และวิวก็ตามไปกระโดดเกาะท้ายรถจนเกิดเหตุสลด


การสูญเสีญนายวิวครั้งนี้ ทำให้นายจ้าง คนรู้จักนายวิว ตัดพ้อถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ และพบปัญหาการสื่อสารที่ผิดพลาดในการช่วยเหลือนายวิวครั้งนี้


โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ภานุพงค์ อัครโพธิวิภาค เป็นเพื่อนเจ้าของร้านและรู้จักกับนายวิว โพสต์ภาพข้อความระบุว่า คนเราไม่เคยเท่ากัน ณ ตอนนี้เวลา 05:00 ที่ตีนสะพานกรุงเทพ ผมและแฟน รวมถึงพรรคพวกพี่ก้านติดต่อหน่วยงานต่างๆ เพื่อค้นหา #พี่วิว พลเมืองดีที่ไล่ล่าคนร้าย จนตัวเองตกสะพานพระราม3


พร้อมระบุว่าตั้งแต่ 20:00 น. จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานซักงานตอบรับการค้นหา ทั้ง 1669  กู้ภัย ก็เงียบ สน. โยนกันไปมา บอกว่าจะมา ก็ไม่มา มีแต่กลุ่มวัยรุ่นที่นั่งเล่นตรงท่า ลงน้ำช่วยกันงม ช่วยกันดู


และประโยค หัว**ย ที่ได้ยินเกือบทุกที่คือ เดี๋ยวเค้าก็ลอยขึ้นมา ตอนนี้นอกเวลาทำการ เจอกับตาถึงรู้แจ้ง ถ้าเราไม่ใช่ somebody ในสังคม ถ้า spotlight ไม่ได้ถูกส่องมาที่เรา ค่าของชีวิตเราแม่งกระจอกมาก มากจนแทรกเวลาทำการของพวกแม่งไม่ได้


พร้อมทิ้งท้ายว่า มันไม่ได้เศร้า มันสิ้นหวัง มันหดหู่ ประเทศนี้เห็นชีวิตคนหนึ่งคน มีค่าแค่ไหน


ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายภานุพงค์ เล่าว่า ตนและเพื่อนๆ ประมาณ 4- 5 คน ทราบกันตอนตี 1 ว่านายวิวน่าจะพลัดตกสักที่หนึ่ง และยังหาตัวไม่พบ จึงช่วยกันออกไปตามหาตั้งแต่หน้าร้าน มาถึงจุดเกิดเหตุ ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร


กระทั่งตี 2 ครึ่ง ตนและแฟนสาว จึงช่วยกันโทรประสานหน่วยงานต่างๆ ตนเองโทรไปที่ 1669 และ สน.ปากคลองสาน ซึ่งก็ได้รับเรื่องไว้ และบอกจะประสานต่อให้ ส่วนแฟนของตน โทรหาเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร รวมถึงตำรวจ สน.บางโพงพาง และ สน.วัดพระยาไกร ซึ่งตำรวจค่อนข้างให้ความร่วมมือดี แต่ตนคิดว่าถ้าทางน้ำ อาจไม่ใช่ความรับผิดของ สน. ตำรวจจึงต้องประสานหน่วยงานอื่นต่อ


ในระหว่างที่โทรประสานช่วงตี 3 ตี 4 ที่หลายหน่วยงาน ยังเข้าใจว่าเคสนี้จบไปแล้ว โดยเข้าใจว่า มีเพียงชายคลุ้มคลั่งที่กระโดดแม่น้ำ ตนพยายามชี้แจงไปว่ายังมีอีกคน เป็นพลเมืองดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็สัญญาว่า จะเอาเรือออกไปหาอีกรอบ จนเวลาประมาณตี 5 พวกตนยังยืนรอกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ช่วยกันค้นหา เอาไฟฉายส่องในน้ำ ยืนยันว่าไม่พบเรือเจ้าหน้าที่ หรือมีใครออกมาค้นหา


และที่น่าหดหู่ใจ คือ มีเจ้าหน้าที่บางหน่วยที่เมื่อสอบถามไปว่า จะทำอย่างไรต่อไป เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า ถ้าตกน้ำจริง ต้องรอให้ลอยขึ้นมาเอง ซึ่งตนรู้สึก ถ้าอย่างน้อยเจ้าหน้าที่มาค้นหาแล้วไม่เจอ จะขอบคุณมาก แต่กลับมาเจอประโยคคล้ายๆ ทำให้เสียใจมาก


นายภานุพงค์ มองว่า เรื่องนี้เป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดตั้งแต่แรก ทำให้เกิดความสับสนว่ามีการช่วยเหลือไปแล้ว จึงทำให้นายวิวไม่ได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่แรก


ทั้งนี้ ทีมข่าวยังได้คุยกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่ปฏิบัติหน้าที่เมื่อคืนนี้ คือ คุณพลสิทธิ์ เลิศนภาพงศ์ หรือ เมฆา 18 เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร มูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าว่า เมื่อคืนตนได้รับแจ้งตอน 20.35 น. ว่ามีชายคลุ้มคลั่งขับรถแท็กซี่ และมีคนเกาะรถ ตอนนั้นอยู่ที่บริเวณแยกเจริญราษฎร์จึงรีบขับไปที่เกิดเหตุ ถึงบริเวณสะพานพระราม 3 ประมาณ 20.40 น.


ซึ่งตนถึงเป็นคันแรก เห็นแค่รถแท็กซี่เปิดไฟผ่าหมาก ก่อนจะถึงรถคันนี้ ราว 10-15 เมตร ก็เห็นเศษกระจกแตกอยู่ จึงสันนิษฐานว่าไปชนอะไรมาหรือเปล่า ระหว่างปฏิบัติภาระกิจชายคลุ้มคลั่งอยู่จนพักใหญ่ราว 21.00 น. มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง อ้างตัวเป็นคนของร้านอาหาร มาถามว่าเห็นน้องไหม ตนบอกว่าไม่เห็น เห็นแค่รถแท็กซี่ จากนั้นราว 21.20 น. น้องผู้หญิงคนเดิม ก็มาบอกว่ามีคนเจอแล้ว หล่นอยู่ข้างล่าง ก่อนขึ้นสะพานมาและมีคนเอาไปส่งโรงพยาบาลเลิดสิน ตนจึงไปโฟกัสที่เคสชายคุ้มคลั่งเท่านั้น


ส่วนเจ้าหน้าที่อีกท่านหนึ่ง นายธนภัทร พราหมจร เล่าว่า เมื่อคืนนี้ข้อมูลค่อนข้างสับสน มีการแจ้งจุดตกที่ไม่ชัดเจน ประกอบกับข้อมูลอีกชุดแจ้งว่า มีการช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลเลิดสินเรียบร้อยแล้ว และข้อมูลก็มาชัดเจนช่วงเช้า ทั้งนี้ ตามขั้นตอน หากมีคนจมน้ำ ทางเจ้าหน้าอาสา จะต้องได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ศูนย์วิทยุ แต่เมื่อคืนทราบเพียงมีคนตกน้ำ แต่ข้อมูลและพิกัดไม่ชัดเจน ทำให้ไม่ได้มีการค้นหา ประกอบกับเมื่อคืน น้ำค่อนข้างแรง และลึก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำของอาสาสมัคร ก็ติดเคสดำน้ำช่วยเหลือเด็กในพื้นที่พระประแดงด้วย


อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้ เป็นเวรความรับผิดชอบของมูลนิธิร่วมกตัญญู และมีการผลัดเปลี่ยนเวรกันในช่วง 8 โมงเช้า ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง


ทางด้านนายปาน กรวิรัตน์ อายุ 39 ปี คนร้ายที่เมาอาละวาดและขโมยรถแท็กซี่ เมื่อคืนนี้เขาทิ้งตัวหงายหลังลงมาจากสะพานพระราม 3 ซึ่งจนถึงขณะนี้แพทย์ยังคงให้รักษาตัว เพื่อรอดูอาการเนื่องจากตกลงมาในความสูงกว่า 10 เมตร


ส่วนอาการของ นายปาน ล่าสุด พันตำรวจเอก ชาญฤทธิ์ ทรัพย์สมบัติ ผู้กำกับ สน.บางโพงพาง บอกว่า ตอนนี้ นาย ปาน ยังอยู่ในอาการสับสนมึนเมาด้วยฤทธิ์ของสารเสพติด และแอลกอฮอล์ แพทย์ต้องประเมินเกี่ยวกับอาการการบาดเจ็บก่อน เนื่องจากพลัดตกจากสะพานที่มีความสูงหลาย 10 เมตร จึงยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำผู้ต้องหา จึงยังไม่สามารถแจ้งข้อหาได้ แต่จากพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนยาเสพติดต้องรอผลแพทย์ เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่ม

คุณอาจสนใจ

Related News