สังคม

ไม่รอด! โจรสวมชุดวิน อาละวาดวิ่งราวทอง-ลักรถจยย. อ้างติดโควิดกักตัวไร้เงิน

โดย pattraporn_a

24 มี.ค. 2565

89 views

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทองร้านทองต่อเนื่องหลายพื้นที่ ทราบชื่อต่อมา คือ นายวสันต์ หรือ ปาล์ม อายุ 35 ปี พักอาศัยอยู่ย่านดินแดง


โดยเหตุดังกล่าว เริ่มต้นเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยภาพวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายขณะลงมือก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งนายวสันต์ได้เข้าไปทำทีขอดูสร้อยคอทองคำ ณ ร้านทองแห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญ โดยนายวสันต์ได้ขอดูสร้อยทอง จำนวน 2 เส้น แต่พอเจ้าของร้านเผลอ นายวสันต์ก็ได้ชิงสร้อยคอทองคำ 2 เส้นดังกล่าว หนักรวม 2 บาท หนีออกจากร้านทันที


นอกจากนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดของวันที่ 19 มี.ค. เมื่อเวลาประมาณ 16.00 ยังได้ปรากฏภาพ นายวสันต์ มาทำทีดูลาดเลาก่อนก่อเหตุในช่วงเวลา 17.00 น. ของวันเดียวกัน ต่อมาในวันที่ 20 มี.ค. นายวสันต์ได้นำสร้อยทองดังกล่าวที่ชิงมาจากร้านทองในพื้นที่ย่านภาษีเจริญ นำไปขายที่ร้านทองเพชรยินดี ย่านห้วยขวาง


จากนั้นกลางดึกของคืนวันที่ 21 มี.ค. ต่อเนื่อง 22 มี.ค. นายวสันต์ได้ไปก่อเหตุลักขโมยจักรยานยนต์ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร ย่านหทัยราษฎร์ ในพื้นที่ สน.นิมิตรใหม่ และไปตระเวนจัดหาเสื้อวินมอเตอร์ไซค์


ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวพร้อมสวมเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ หมายเลข 16 มาพยายามชิงทรัพย์ร้านทองเพชรยินดี ย่านห้วยขวาง โดยภาพวงจรปิดของทางร้าน ก็สามารถจับภาพนายวสันต์ ขณะเข้ามาภายในร้าน โดยมีพนักงานประจำจุดขายทำการปลดล็อคประตูร้านทองให้นายวสันต์ และเมื่อเข้ามาได้ นายวสันต์ก็หยิบปืนปลอมออกมา เมื่อพนักงานในร้านเห็น ก็รีบวิ่งหนีเข้าภายในหลังร้าน ก่อนแจ้งตำรวจผ่านแอปพลิเคชั่น ทำให้ผู้ต้องหารีบวิ่งหนีออกร้าน ก่อนขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป


จากการสอบสวนพนักงานภายในร้าน พบรูปร่างและลักษณะของคนร้าย ใกล้เคียงกับลูกค้าเก่าของทางร้านเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่เคยนำสร้อยคอทองคำ จำนวน 2 เส้น หนัก 2 บาท มาขาย พร้อมยื่นบัตรประชาชนประกอบการขาย และสอดคล้องกับภาพวงจรปิดของตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ขณะคนร้ายเข้าชิงทองภายในร้านทองแห่งหนึ่งย่านภาษีเจริญ ซึ่งพบว่ารูปพรรณสัณฐานตรงกัน ตำรวจจึงติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้


จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริงๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาเคยติดโควิด-19 ทำให้ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 1 เดือน หลังจากรักษาหาย ก็ตกงาน ประกอบกับมีลูกที่ต้องดูแลรับผิดชอบถึง 5 คน จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว หวังนำเงินไปใช้ดูแลจุนเจือครอบครัว และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนร้ายนั้น ไม่พบประวัติคดีชิงทรัพย์แต่อย่างใด พบเพียงประวัติเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายเมื่อปี 2562



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/_tKRZr8xhkg 

คุณอาจสนใจ