'ชมพู่' ตั้งทนาย ฟ้องหมิ่น 'ทีน่า' เรียกค่าเสียหาย 7 แสน เมินเอาความเรื่องเปลี่ยนชื่อ

นางสาวจิดาภา ชีนารักษ์ เจ้าของกระเป๋าแบรนด์เนมหรู ส่งทนาย ฟ้องทีน่า แม่ค้าออนไลน์รับซื้อขายกระเป๋า ข้อหาหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 700,000 บาท รวมถึงประเด็นทีคุณทีน่ายังไม่เปลี่ยนชื่อ ทั้งสรพงษ์หรือประยุทธ์ ก็อาจไม่ติดใจเอาความอะไรในส่วนนี้



ทนายเกิดผล แก้วเกิด ของนางสาวจิดาภา ชีนารักษ์ หรือคุณชมพู่ คู่กรณีกระเป๋าแบรนด์เนมหรู นำพยานหลักฐานเข้าฟ้องร้องต่อศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เอาผิดคุณทีน่า แม่ค้าออนไลน์รับซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม ในข้อหาหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกหลักทรัพย์เป็นเงินชดเชยค่าเสียหาย 700,000 บาท



หลังพบว่าคู่กรณีมีการ live , โพสต์ข้อความ, แชร์ข้อความต่อ ในเพจและ instagram ของเจ้าตัวในเชิงทำนองว่า ลูกความเป็นมิจฉาชีพ พร้อมกับใช้ปากกาที่กระเป๋าของลูกความว่าปลอม พร้อมทั้งพูดกล่าวหาว่าลูกความหลอกลวงขายของปลอมให้ และยังมีการใช้ถ้อยคำข้อความทำนองกล่าวหาลูกความว่าเป็นลูกเนรคุณ โดยมีการกระทำความผิดระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกันรวม 5 กรรม

ประกอบกับที่ผ่านมามีการให้โอกาสคู่กรณีกล่าวขอโทษแต่คู่กรณีก็ไม่สำนึกผิด 3 หลังจากที่ไปออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งก็ยังคงโพสต์ข้อความดูถูกต่อว่ามาโดยตลอด

จึงตัดสินใจให้ทนายความเข้ามาฟ้องร้องเอาผิดคู่กรณี โดยศาลได้นัดไต่สวนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ปีหน้า และหลังจากเกิดคู่กรณีไม่เคยกล่าวขอโทษสำนึกผิดใดๆ และไม่ยอมจ่ายเงินค่ากระเป๋าให้โดยให้ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง ซึ่งคดีนี้จะแยกกับคดีที่คู่กรณีไม่ยอมจ่ายเงิน 2 ล้านบาทเป็นค่ากระเป๋าแบรนด์เนมต้นเรื่อง


ส่วนกรณีของการให้คำสัญญาว่าจะเปลี่ยนชื่อตนเองจากทีน่า เป็นสรพงษ์ และมีการขอบ่ายเบี่ยงว่าชื่อสรพงษ์ไม่ถูกโฉลกมีอักษรและวรรณยุกต์ที่เป็นกาลกิณี โดยจะขอเปลี่ยนเป็นชื่อประยุทธ์แทน จากนั้นก็ประกาศผ่านโลกออนไลน์ว่าได้เปลี่ยนชื่อแล้ว

จากการตรวจสอบของทนายความล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา พบข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ว่ายังคงใช้ชื่อและนามสกุลเดิม โดยไม่ได้เปลี่ยนเป็นสรพงษ์หรือประยุทธ์ พบว่ายังคงใช้ชื่อและนามสกุลเดิม ซึ่งถือได้ว่าคู่กรณีไม่ได้ทำตามสัญญา แต่ลูกความไม่ถือสาเอาความรู้สึกดังกล่าวเป็นคดี


ล่าสุดวันนี้มีความเคลื่อไหวจากคุณทีน่า เจ้าของร้านกระเป๋าแบรนด์เนม โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวสั้นๆ เป็นภาพบรรยากาศที่หน้าสภาทนายความ พร้อมระบุว่า ร้องขอความเป็นธรรม อย่าแกล้งกัน อย่าใส่ร้ายการกระทำของคุณ ทำดิชั้นเสียหาย สามารถพิสูจน์นะ ไม่ได้พูดลอยๆ ลองคิดดูเทียบกับราคากระเป๋า วันละ2-3ใบ ตั่งแต่วันที่ก่อนออกโหนกระแส

ค่อยๆคิด เริ่มตั่งแต่โพสต์ที่ว่า…ไปให้สุดแล้วไปหยุดที่….

ตั่งแต่โพสต์ที่เอ่ยมาขายของได้วันละแสนกว่า จากที่ปกติขายได้ล้านกว่า 2ล้านกว่า แล้วตัวเลขที่บอกทุกคนที่ติดตามคงจะได้เห็นแล้วนะ ความเสียหายทั้งหมดนี้ต้องรับผิดชอบ อยากเป็นคนดีก็ไม่ต้องจำเป็นต้องเหยียบใคร (ดีจริงๆไหม)

ใจดำ โหดเหี้ยม! ทัศนคติความคิดรังแกคนอื่นเพราะต้องการ…


ขณะที่เมื่อวานนี้ คุณทีน่า ได้โพสต์เรื่องราวนี้ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นการโพสต์ขอความที่ยาวเหยียด และแนบคลิปเสียงประกอบแต่และเหตุการณ์มาด้วย ระบุว่าจากจุดเล็กๆกลายเป็นดราม่า เนื้อหาใจความที่โพสต์คือการอธิบายเรื่องราวดราม่ากระเป๋าแบรนด์เนมหรูที่เกิดขึ้น และขอโทษทางครอบครัวคุณทีน่าและผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้


จากโพสต์นี้ คุณทีน่า ได้เขียนคำว่าขอโทษ ไว้ 2 ครั้ง ครั้งแรก คำว่าขอโทษ มีความหมายคลุมเครือไม่ใช่ชัดเจนว่าเป็นการขอโทษใคร แต่คาดว่าเป็นการขอโทษ เจ้าของร้านของคู่กรณี (ชมพู่) ที่โทรไปสอบถามเรื่องกระเป๋า ส่วนขอโทษครั้งที่2 คือเป็นการขอโทษตำรวจ



ทีมข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้คุณณิริชยาน์ได้คุยกับคุณชมพู่เมื่อวานนี้ ถึงการโพสต์ของคุณทีน่า และตีความหมายคำว่าขอโทษ คุณชมพู่บอกว่า ไม่ใช่ค่ะ เขาไม่ได้ขอโทษหนู ไม่ทราบว่าเขาขอโทษอะไรเหมือนกันค่ะ

ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/pKPQMtVv1BU