สังคม
ผู้ว่าฯ กทม. เผยวันนี้เร่งขุดปล่องลิฟต์ ลดระดับความสูงหาผู้ติดค้าง ยันให้ความร่วมมือเก็บหลักฐานตึก สตง.
โดย nutda_t
19 เม.ย. 2568
91 views
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีการเก็บหลักฐาน หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้มีการเรียกตน และปลัด กทม. ไปสอบถามถึงความต้องการเพิ่มเติมว่าขาดเหลืออะไรหรือไม่ ซึ่งทางเรามีค่อนข้างครบ แต่มีอีกหนึ่งประเด็นที่เราต้องการเพิ่มเติมในเรื่องของพื้นที่เก็บกองวัสดุที่ยังแน่นอยู่
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า ทางกทม. ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นในการเข้าไปเก็บหลักฐาน นายชัชชาติ ยืนยันว่า กทม.อยากช่วยให้มีการเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้หาผู้ที่รับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ ซึ่งอาจจะติดปัญหาในช่วง 2-3 วันแรก ที่เราจะค้นหาผู้รอดชีวิต คือปัญหาในเรื่องของการสื่อสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครไม่มีความเชี่ยวชาญในการเก็บพยานหลักฐาน จึงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการ และผังเมือง รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าต้องการหลักฐานชิ้นไหน ก็ให้ระบุความต้องการ ซึ่งมี 2 วิธี คือดึงหลักฐานออกมาได้เลย กับเก็บหลักฐานไว้ก่อน หลังจากนั้นจะอายัดไว้เป็นของกลาง ซึ่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาอยู่กับเราตลอด เพราะงานยังคงเดินไปอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี
ส่วนความคืบหน้าภารกิจการค้นหาร่างผู้สูญหายในวันนี้ นายชัชชาติ ระบุว่า เราเริ่มเจาะบริเวณปล่องลิฟท์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ พบบันไดหนีไฟ ราวจับบันไดพบเลขชั้น 18 ซึ่งจากการสัมภาษณ์คนที่รอดชีวิตออกมาจากชั้น 14 ให้ข้อมูลว่ามีเพื่อนตามหลังมาในช่องทางนี้ จึงนำไปสู่การวิเคราะห์ว่าผู้สูญหายจะอยู่ในบริเวณไหนเยอะ ซึ่งระหว่างชั้น 14 ถึงชั้น 18 จะมีทั้งหมดประมาณ 30 คน จึงอนุมานได้ว่าบริเวณดังกล่าวน่าจะมีผู้สูญหายเยอะ
ซึ่งเมื่อวานนี้บริเวณปล่องลิฟท์พบเจอร่างผู้ติดอยู่ประมาณ 6 ร่าง ซึ่งเมื่อวานนี้เราใช้วิธีการปาดเศษซากให้ความสูงเท่ากับปล่องลิฟต์ ซึ่งบริเวณโซน A D เหลือความสูงอยู่ที่ 12 เมตร บริเวณด้านหลังโซน B และ C เหลือความสูงอยู่ที่ 10 เมตร จากความสูงในตอนแรกเกือบ 26 เมตร ซึ่งในวันนี้เราจะเจาะลงไปบริเวณปล่องลิฟต์ให้ลึกลงไปอีก คาดว่าน่าจะเจอผู้ที่ติดค้างเพิ่มเติม
ส่วนปล่องลิฟต์มีลักษณะพังทลายหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ไม่เห็น แต่อ้างอิงจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ ที่มีการอธิบายไว้ว่า ลักษณะเหมือนนำปล่องลิฟต์ยกขึ้น และกระแทกลง ทำให้คอนกรีตพังลงมา และรวมกันอยู่ที่ข้างล่าง ซึ่งงานยังเดินหน้าไปได้ด้วยดีแม้อาจจะเจอปัญหาบ้าง เช่น เครื่องจักรเสียเยอะขึ้นเฉลี่ยวันละ 20 เคสต่อวัน ซึ่งมีการเตรียมอะไหล่และช่างซ่อมบำรุงไว้ซ่อมอยู่หน้างานไว้แล้ว
นายชัชชาติ เปิดเผยว่า เวลาเราได้ชิ้นส่วนมนุษย์ออกมา เราจะต้องให้ทางพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ เพราะเราไม่แน่ใจว่าชิ้นส่วนที่นำออกมานั้นเป็นร่างเดียวกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีชิ้นส่วนออกมาทั้งหมด 180 ชิ้น ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดคือ 47 ราย แต่ก็จะต้องรอตัวเลขที่ได้รับการยืนยันจากพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง
ซึ่งขณะนี้ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นบริเวณกองดินที่อยู่ตรงการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนมนุษย์ติดค้างไป แต่ก่อนที่จะส่งวัสดุออกไปจากไซต์งานก็มีการตรวจเช็กไปแล้ว ซึ่งก็อาจจะมีหลุดรอดไปบ้างแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐาน และ สุนัข K9 จะคอยตรวจสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยการดมกลิ่น และใช้ตามนุษย์สังเกต ซึ่งขณะนี้จะต้องเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล โดยการตรวจสอบดีเอ็นเอ เพราะยังไม่ได้รับข้อมูลการตรวจดีเอ็นเอกว่า 10 คน จะต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศ ว่าสามารถหาข้อมูลดีเอ็นเอนี้ได้อย่างไร
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าอยู่ระหว่างการเจาะส่วนที่ยากที่สุด คือ โซน A และ D ที่อยู่บริเวณด้านหน้า เป็นส่วนที่พื้นพังถล่มลงมาเป็น “แพนเค้กซีเมนต์” ซึ่งเมื่อก่อนเราใช้วิธีการดึง ซึ่งเป็นไปได้ยากเนื่องจากมีชิ้นส่วนเหล็กจำนวนมาก โดยปัจจุบันเราใช้วิธีการเจาะจากด้านล่างค่อยสกัดคอนกรีต จึงทำให้ขั้นตอนนั้นเร็วขึ้น และเรามั่นใจว่าบริเวณโซนนี้จะไม่มีผู้ติดค้างอยู่ เนื่องจากวันที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวคนน่าจะไหลไปที่จุดอื่น แต่ถึงอย่างไรก็จะคอยสังเกตอยู่ตลอด
ส่วนจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า เรายังคงลุยต่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีกำลังใจ และเป้าหมาย ซึ่งเรากำหนดเป้าหมายไว้ว่าในช่วงเดือนเมษายน เราจะต้องลุยให้เต็มที่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์หน้างาน เพราะไม่ใช่เพียงแค่ต้องรื้อตึก แต่ต้องค้นหาผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในซาก รวมถึงมีการฆ่าเชื้อภายในไซต์งานยังคงมีการทำอยู่ตลอดเวลา อย่างเจ้าหน้าที่หลังปฏิบัติภารกิจเสร็จออกมา ก็ต้องมีการพ่นฆ่าเชื้อ และเรามีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอยู่ตลอด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งอันตรายปะปนมาสู่คนด้านนอก
ส่วนผู้ประกอบการที่อยู่รอบข้างที่เกิดเหตุ และได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ นายชัชชาติ ระบุว่าได้ยินเสียงบ่นมา แต่ยังไม่ได้คุยกับผู้ประกอบการ จะพยายามที่จะเคลียร์พื้นที่ และเปิดทางให้ ซึ่งตนจะมอบหมายให้ผอ.เขต เป็นผู้ดำเนินการ
ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุ ทางปภ. จะเป็นผู้ควบคุมงบประมาณ แต่ก็ไม่อยากให้คาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือเต็มจำนวน ขึ้นอยู่กับความเสียหายของแต่ละคน ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ อาจจะต้องไปคุยกันก่อนว่าจะเข้าเงื่อนไขไหนบ้าง และมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง
แท็กที่เกี่ยวข้อง ชัชชาติสิทธิพันธุ์ ,ผู้ว่ากทม ,ตึกสตง.ถล่ม