สังคม
ตร.ไซเบอร์จับ 2 ไทย-จีน ฟอกเงินสแกมเมอร์ 30 ล้าน
โดย chutikan_o
23 ก.พ. 2568
402 views
ตร.ไซเบอร์จับ 2 ไทย-จีน ฟอกเงินสแกมเมอร์ 30 ล้าน เอี่ยว 28 คดี เปิดร้านขายรองเท้าในเยาวราช ผลประกอบการไม่ดีแต่กินหรูอยู่สบาย คาดขบวนการมีเงินหมุนเวียนหมื่นล้านบาทต่อปี
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ แถลงข่าวปฏิบัติการ EXIT SCAM จับกุมหนุ่มจีน วัย 34 ปี และสาวไทย วัย 21 ปี มีพฤติการณ์กินหรูอยู่สบาย แต่เอี่ยวฟอกเงินในขบวนการหลอกลงทุนคริปโต รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาสอบปากคำที่ห้องพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ ซึ่ง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้สอบปากคำด้วยตนเอง
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ของตำรวจว่า ถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงินเพื่อลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล Cryptocurrency โดยมีบุคคลใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีติดต่อมาทางสังคมออนไลน์และชักชวนให้ลงทุนผ่าน neccorpo.site อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูง ซึ่งคนร้ายได้ชักจูงผู้เสียหายด้วยการให้ผลกำไรจริงในการลงทุนช่วงแรก แต่หลังจากนั้นเมื่อลงทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินกว่า 2 ล้านบาท
จากการรวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวน สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 2 ราย เป็นชายจีน 1 รายและหญิงไทย 1 ราย ซึ่งพบว่าทั้งสองคนนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงทางออนไลน์อื่นๆ ในลักษณะแผนประทุษกรรมจากเว็บเดียวกันอีก 28 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยฝ่ายหญิงมีอาชีพขายสินค้าย่านประตูน้ำ ส่วนฝ่ายชายชาวจีนซึ่งมีภรรยาและครอบครัวอยู่แล้ว ได้มาพบรักกับหญิงชาวไทยรายนี้จนถึงขนาดให้ฝ่ายหญิงเปิดบัญชีคริปโตให้ชายชาวจีนใช้และร่วมกันเปิดร้านขายรองเท้าในย่านเยาวราช ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผลประกอบการร้านรองเท้าของทั้งคู่ไม่ค่อยดีนัก แต่ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ขับรถหรู ใช้สินค้าแบรนด์เนม และสะสมตุ๊กตา Bearbrick 30 ตัว
ต่อมาวันที่ 22 ก.พ. 2568 ตำรวจไซเบอร์ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด เป็นคอนโดในเขตยานนาวา 2 จุด คอนโดในเขตคลองสาน 1 จุด ร้านขายรองเท้าย่านเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ 1 จุด และบ้านพักหลังหนึ่งใน ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
การตรวจค้นครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 2 ราย ได้แก่ นายเชา สัญชาติจีน อายุ 34 ปี และ น.ส.นริศรา สัญชาติไทย อายุ 21 ปี โดยจับได้ที่คอนโดย่านยานนาวา พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เช่น ตุ๊กตา Bearbrick 30 ตัว โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง รถยนต์ BMW รุ่น X-1 1 คัน รถยนต์ Toyota รุ่น Alphard 1 คัน สัญญาปล่อยเช่าคอนโด 1 ฉบับ โฉนดคอนโด 1 ฉบับ หนังสือพาสปอร์ต 6 เล่ม ตู้เซฟนิรภัย 1 ตู้ และสินค้าแบรนด์เนมจำนวนมากรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น มีพฤติการณ์เป็นกลุ่มผู้บริหารจัดการเงินของแก๊งสแกมเมอร์และเชื่อว่าเป็นผู้ฟอกเงินในขบวนการดังกล่าว รวมทั้งยังพบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาทั้งสอง มีข้อมูลสลิปโอนเงินกว่า 5,000 รายการในเวลาไม่ถึงปี ยอดการโอนแต่ละครั้งตั้งแต่ 1-5 แสนบาท คาดว่าขบวนการดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 2 รายในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อไปว่า คดีนี้มีลักษณะแผนประทุษกรรมเป็น Hybrid Scam เพื่อทักผ่านโซเชียลมีเดียหลอกลวงผู้เสียหายให้มีความสัมพันธ์และหลงเชื่อ ก่อนชักชวนลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่นหรือเว็บลงทุนปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นมา โดยผู้ต้องหาทั้งสองนี้เชื่อว่า เป็นหนึ่งในขบวนการของเว็บไซต์ดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ดังกล่าวถึง 28 คดีแล้ว ยังพบเส้นเงินหลายเส้นที่เชื่อมโยงกับเว็บดังกล่าว
ทั้งนี้พบว่า เว็บดังกล่าวนั้นเปิดมาได้ไม่ถึงปีและในส่วนของนายเชา ผู้ต้องหาชาวจีนนั้น พบว่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมานานถึง 3-4 ปีแล้วและมักจะเดินทางเข้า ๆ ออก ๆ ไปยังประเทศจีนและประเทศกัมพูชาบ่อยครั้ง จึงเชื่อว่านายเชามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มจีนสีเทา
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจต้องสืบสวนขยายผลต่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเว็บและเป็น Admin ที่ทักไปหาผู้เสียหายหรือไม่ รวมทั้งเส้นทางการเงินว่า ไปถึงใครบ้าง เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อการลงทุนผ่านเว็บไซต์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือเว็บไซต์ที่มีชื่อเว็บแปลก ๆ ให้ลงทุนผ่านเว็บไซต์หรือ Application ที่ทำการรับรองจาก กลต. รวมถึงอย่าหลงเชื่อบุคคลแปลกหน้าที่ทักมาเพื่อหลอกมีความสัมพันธ์ ก่อนจะกลายเป็นการหลอกลวงแบบ Hybrid Scam ในภายหลัง
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้สถิติการแจ้งความในคดีอาชญากรรมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 จนถึงเดือนมกราคม 2568 ลดลงอย่างมาก จากแต่เดิมเฉลี่ยวันละ 1,200 บาทคดีต่อวัน ลดลงเหลือแค่ไม่ถึงพันคดีต่อวัน จึงเชื่อว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งค์ Call Center ในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้เสียหายลดลงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในส่วนของการหลอกขายสินค้าและบริการที่ไม่ได้ทำเป็นขบวนการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์และตำรวจทุกหน่วยงานจะเร่งกวาดล้างจับกุมกลุ่มผู้ขายของออนไลน์ที่มีลักษณะ ของการหลอกลวงต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง ตำรวจไซเบอร์ ,ไทยจีน ,ฟอกเงินสแกมเมอร์