แม่ค้าส้มตำร่ำไห้ เพื่อนบ้านร้องเรียนเหม็นกลิ่นต้มปลาร้า-ควันย่างไก่ จนถูกไล่ออกจากบ้านเช่า

วันที่ 13 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.ติ๋ม หรือ "เจ๊เต่า" แม่ค้าส้มตำ วัย 50 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าภายในชุมชนแห่งหนึ่ง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดย เจ๊เต่า เล่าถึงความทุกข์ใจที่สั่งสมมานาน หลังถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนเรื่องกลิ่นปลาร้า จากการเตรียมวัตถุดิบขายส้มตำ และควันย่างไก่ จนเจ้าของบ้านเช่าตัดสินใจขอให้ เจ๊เต่า ย้ายออกจากบ้านเช่า

เจ๊เต่า เล่าทั้งน้ำตา ว่าตนเช่าบ้านหลังนี้มานาน 1 ปี ทำสัญญาเช่าอย่างถูกต้อง โดยใช้บ้านเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสถานที่เตรียมอาหารขายส้มตำในตลาด เพื่อเลี้ยงดูลูก 2 คน ที่ยังเรียนหนังสืออยู่

“หนูแค่คนทำมาหากิน ไม่เคยคิดจะสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่เหมือนทุกวันนี้อะไรก็ไม่พอใจเขาไปหมด” เจ๊เต่า กล่าว

ช่วงแรกที่เข้ามาอยู่ เพื่อนบ้านเริ่มร้องเรียนว่า กลิ่นต้มปลาร้า และควันย่างไก่ ทำให้เดือดร้อน จึงโทรแจ้งเทศบาลให้มาตรวจสอบหลายครั้ง แม้จะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการติดตั้งปล่องพัดลมดูดควัน ใช้เตาแบบไร้ควัน และต้มปลาร้าในพื้นที่ปิดมิดชิด แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถลดความไม่พอใจของเพื่อนบ้านได้ ซึ่งตนลงทุนไปเป็นหมื่น ติดพัดลมดูดควัน ย้ายหม้อปลาร้าไปต้มข้างในครัว ทำทุกอย่างที่เขาบอก แต่เขาก็ยังไม่หยุดร้องเรียน ตนเหมือนคนผิดตลอดเวลา ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยมาก

หลังจากตนถูกร้องเรียน ทางเจ้าของบ้านเช่าจึงแจ้งขอให้ตนย้ายออก โดยอ้างว่าปัญหานี้ทำให้เพื่อนบ้านเกิดความไม่พอใจ และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของชุมชน หลังจากตนได้ยินคำนี้จากเจ้าของบ้านแทบล้มทั้งยืน เพราะไม่มีที่อยู่ใหม่ และเงินที่มีอยู่ส่วนใหญ่หมดไปกับการแก้ปัญหาตามที่ถูกร้องเรียน ซึ่งตอนนี้ตนไม่มีที่ไปแล้ว เงินก็หมดไปกับการติดตั้งปล่องดูดควัน ซื้อเตาใหม่ ทำทุกอย่างตามที่ถูกร้องเรียน ตนไม่รู้ว่าต่อไปจะทำยังไง จะอยู่ที่ไหน ตนแค่ต้องการหาเงินเลี้ยงลูก ไม่ได้ตั้งใจให้ใครเดือดร้อน

ด้าน ฝ่ายเพื่อนบ้านที่ร้องเรียน ยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่กลิ่นและควันส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต จึงต้องแจ้งเทศบาลเพื่อแก้ปัญหา

ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนบางราย ต่างเห็นใจเจ๊เต่า มองว่าเรื่องนี้ควรได้รับการไกล่เกลี่ยมากกว่าการร้องเรียนจนถึงขั้นไล่ออกจากบ้าน โดยบางราย เสนอให้เทศบาลพิจารณาหาพื้นที่สำหรับค้าขายหรือทำครัวที่เหมาะสมให้เจ๊เต่า เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งและไม่กระทบต่อการทำมาหากิน