สังคม

ฉุนแม่ค้าส้มตำปากแจ๋ว ชอบด่าหมาประชด เวลาเดินผ่าน สุดทนยิงหนังสติ๊กใส่ร้าน

โดย thichaphat_d

2 ส.ค. 2567

247 views

เปิดใจมือยิงหนังสติ๊กใส่แม่ค้าร้านส้มตำ เผยปมก่อเหตุป้าปากแจ๋ว บอกลูกสาวคล้ายว่าตนไม่ใช่พ่อแท้ๆ ซ้ำด่าหมาประชดตนทุกครั้งที่ผ่าน

กล้องวงจรปิดช่วงเวลาประมาณ 07.29 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา สามารถจับภาพวินาทีที่ชาย อายุประมาณ 40 ปี ใช้หนังสติ๊กยังลูกแก้วใส่หญิง อายุ 64 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นร้านขายส้มตำ โดยยิงเข้าไปประมาณ 4-5 ครั้ง ลูกแก้วเฉียดบริเวณศีรษะไปถูกตู้แช่น้ำอัดลมบุบเสียหาย

ซึ่งกล้องวงจรปิดมุมที่อยู่หน้าบ้าน บันทึกเสียงเหตุการณ์ไว้ได้ โดยฝ่ายหญิงถามว่า "อะไรของมึงอีกล่ะ" ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุก็พูดว่า "ปากดีหรอ ดอก...ช้าง" แล้วก็มีการด่ากราด พร้อมกับยิงลูกแก้วเข้าไปภายในบ้านของหญิงผู้เสียหาย

ด้านลูกสาวของผู้เสียหายที่สวมเสื้อสีขาว ได้เดินออกมาพยายามที่จะห้ามและสอบถาม ชายคนดังกล่าวว่า "พี่กุ้ง มีอะไรก็คุยกันดีๆ" ขณะที่ผู้เป็นแม่ ก็ตะโกนด่าตอบโต้ผู้ก่อเหตุด้วยถ้อยคำหยาบคายเช่นกัน แล้วก็เป็นเสียงนายกุ้งยิงหนังสติ๊กด้วยลูกแก้วเสียงดังปัง!

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี พบเป็นบ้านไม้ยกสูง ใต้ถุนบ้านทำเป็นร้านขายส้มตำ ถัดจากบ้านทางฝั่งขวามือเป็นห้องแถวประมาณ 3 ชั้น

ป้าวิไลรัตน์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายกุ้ง อาศัยอยู่ที่ห้องพักกับครอบครัว โดยช่วงเช้าประมาณ 7 โมงครึ่ง นายกุ้ง เดินผ่านหน้าร้านขายส้มตำของตน แล้วตะโกนด่าตน ประมาณว่า "เสือกอะไรเรื่องของกูนักหนา" ป้าจึงตะโกนถามกลับว่า "อะไรของมึง" ทำให้นายกุ้ง ยิ่งยิงหนังสติ๊กลูกแก้วเข้ามาภายในบ้าน โดยเล็งเข้ามาที่ ป้าวิไลรัตน์ ลูกแก้วเฉียดหาดคิ้วไปนิดเดียว ไปโดนตู้แช่น้ำอัดลมเป็นรอยบุบ

จากนั้นก็ยิงเข้ามาอีกหลายลูก ซึ่งตนยอมรับว่าไม่พอใจ โมโหมาก เลยด่าทอกลับไป เพราะไม่รู้เลยว่ามาด่าตนเรื่องอะไร ที่นายกุ้ง บอกว่า ชอบไปเสือกเรื่องของคนอื่น ตนก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

ด้านนางสาวศิรินทิพย์ ลูกสาวของป้าวิไลรัตน์ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย บอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย แต่มาช่วงต้นปี จู่ๆ นายกุ้ง ก็มาเบิ้ลเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ โดยหันท้ายรถให้ควันเข้าไปภายในร้าน และได้นำถังแก๊สขนาดเล็กมาที่หน้าบ้านแล้วจุดไฟ ทำให้คนที่นั่งกินส้มตำอยู่ต่างแตกตื่นตกใจ ซึ่งครั้งนั้นได้แจ้งความไปแล้ว ทางตำรวจได้เรียกนายกุ้ง ไปพูดคุย เขาก็รับปากว่าจะไม่ทำอีก

พอผ่านมาประมาณครึ่งปี จู่ๆ ก็เอาหนังสติ๊กมายิงใสส่ร้าน โดยเป้าหมายมุ่งไปที่แม่เพียงคนเดียว พอถามว่าเรื่องอะไร เขาก็ไม่ยอมบอก ซึ่งตนอยู่กับแม่ตลอดก็ไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงนายกุ้ง กับใคร รู้สึกข้องใจเหมือนกัน แต่มากกว่านั้นคือ ห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนในครอบครัว อยากให้ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัย และตรวจปัสสาวะนายกุ้งด้วย

ต่อมาทีมข่าวได้เจอนายกุ้ง อายุ 43 ปี มือยิงหนังสติ๊ก ได้เปิดใจว่า เรื่องเริ่มต้นจากตนเคยมีปัญหาทะเลาะกับภรรยา ตอนนั้นก็พักอาศัยอยู่ที่ห้องแถวใกล้บ้านป้าวิไลรัตน์ จากนั้นป้าวิไลรัตน์ ก็ได้พูดกับลูกสาวตนในลักษณะว่า ตนไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของลูกสาว

หลังจากนั้นป้าวิไลรัตน์ ก็ชอบนำเรื่องของตนไปเล่าให้คนอื่นฟังในทางที่ไม่ดี เรื่องก็มาเข้าหูตน จนกระทั่งป้าวิไลรัตน์ ไปพูดกับเจ้าของหอพักคล้ายว่าเป่าหูจนเจ้าของหอพักไม่ให้ตนอยู่ที่หอพักเดิม ตนก็ไม่ว่าอะไรให้ภรรยาและลูกสาวอยู่ได้ก็ยังดี

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 67 ล่าสุดทีมข่าวได้เจอนายกุ้ง อายุ 43 ปี ผู้ก่อเหตุยิงหนังสติ๊กใส่บ้านป้าวิไลรัตน์ โดยนายกุ้งเล่าว่า เรื่องเริ่มต้นจากตนเคยมีปัญหาทะเลาะกับภรรยา ตอนนั้นก็พักอาศัยอยู่ที่ห้องแถวใกล้บ้านป้าวิไลรัตน์ จากนั้นป้าวิไลรัตน์ก็ได้พูดกับลูกสาวตนว่า ถ้าตนป็นพ่อแท้ๆ ก็ให้เขาอยู่ด้วย คือเป็นคำพูดที่กำลังจะบอกว่า ตนไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของลูกสาว เพราะหลังจากนั้นป้าวิไลรัตน์ ก็ชอบนำเรื่องของตนไปเล่าให้คนอื่นฟังในทางที่ไม่ดี เรื่องก็มาเข้าหูตน จนกระทั่งป้าวิไลรัตน์ไปพูดคุยกับเจ้าของหอพักคล้ายว่าเป่าหู จนเจ้าของหอพักไม่ให้ตนอยู่ ต้องอยู่ที่หอพักเดิม ตนก็ไม่ว่าอะไรให้ภรรยาและลูกสาวอยู่ได้ก็ยังดี

จากนั้นเวลาที่ตนเดินผ่านไปผ่านมา เพื่อไปหาภรรยาและลูกสาว ป้าวิไลรัตน์ก็จะด่าหมา ด้วยคำพูดหยาบคาย ซึ่งตนเดินผ่านเป็นประจำ และเข้าใจเลยว่ากำลังด่าประชดตน ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องนี้ ลูกชายของป้าวิไลรัตน์ เวลาขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านห้องพักตนก็จะเบิ้ลเครื่องเสียงดัง ตนก็เคยก่อเหตุนำรถจักรยานยนต์ ไปเบิ้ลเครื่องใส่ร้านป้าวิไลรัตน์ และเคยนำถังแก๊ส ไปจุดไฟหน้าร้าน เรื่องนี้ก็เป็นความจริง เรื่องถึงตำรวจและก็ได้จบไปแล้ว

แต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้ ก็ยอมรับว่าตนเป็นคนก่อเหตุจริงที่เอาหนังสติ๊กไปยิงหน้าบ้านป้าวิไลรัตน์ เพราะรู้สึกอัดอั้น เดินผ่านทีไรตะโกนด่าหมาเพื่อประชดตนทุกที นายกุ้งยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ขอให้ป้าวิไลรัตน์หยุดพูดเรื่องของตนในทางที่ไม่ดี ให้คนอื่นฟัง และนายกุ้งต้องกราบขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังจากนี้จะไม่ก่อเหตุอีกและขอร้องว่า ให้ลูกสาวและภรรยาได้อยู่หอพักอย่างเป็นสุข เพราะเขาทั้งสองคนไม่เกี่ยวข้องและจะต้องทำงานแถวนี้ จึงจำเป็นต้องอยู่ที่หอพัก ล่าสุดทราบว่า ป้าไปพูดคุยกับเจ้าของหอพัก จนเจ้าของจะให้พวกตนออกจากพื้นที่ จากนี้ตนร้องป้าวิไลรัตน์หยุดพูดเรื่องของตนในทางที่ไม่ดีให้คนอื่นฟัง ต่างคนต่างอยู่ อย่าได้ข้องเกี่ยวกันอีก




รับชมผ่านยูทูป :  https://youtu.be/53Re4qmZchY

คุณอาจสนใจ

Related News