สังคม

ใหญ่สุดตั้งแต่เคยพบ! กสทช.บุกตัดสายไฟเบอร์ออปติก ส่งสัญญาณแก๊งคอลฯ ข้ามชายแดนแม่สอด

โดย passamon_a

3 ธ.ค. 2567

13 views

เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.67)  พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กสทช., เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด, ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปที่ด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 1 สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 บ้านริมเมย หมู่ที่ 2 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

เนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบและตรวจพบว่า บริเวณแนวชายแดนอำเภอแม่สอด มีการลักลอบลากสายส่งสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือสายไฟเบอร์ออปติก ข้ามแนวชายแดนแบบผิดกฎหมายและท้าทายอำนาจรัฐ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบริเวณแนวเสาไฟฟ้าข้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ตรงข้ามตลาดริมเมย พบสายไฟเบอร์ออปติกขนาด 256 คอร์ และขนาด 96 คอร์ รวม 16 เส้น ซึ่งเป็นสายส่งสัญญาณขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ กสทช.เคยตรวจสอบพบ ลากจากแนวเสาไฟฟ้าฝั่งแม่สอด ลากขนานไปกับขอบสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ข้ามฝั่งไปจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา รวมระยะความยาวเกือบ 3 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์ตัดสายสัญญาณดังกล่าวทันที ทำให้ระบบสัญญาณสายดังกล่าวใช้งานไม่ได้

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติการตัดวงจรกลุ่มขบวนการลักลอบลากสายสัญญาณเถื่อนข้ามชายแดนและลักลอบตั้งฐานกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านติดชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ครั้งนี้  เจ้าหน้าที่ตรวจพบท่อส่งเคเบิลขนาดใหญ่ จำนวน 16 เส้น นับเป็นการจับกุมสายเคเบิลเถื่อนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย

นอกจากนี้จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษของ กสทช. พบว่าเครือข่ายดังกล่าวยังได้ลักลอบส่งกระจายสัญญาณไปยังพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มจีนเทาหรือรู้จักกันในชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับโลก ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งสายส่งสัญญาณดังกล่าวสามารถครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรและสามารถป้อนสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานได้อย่างเสถียร

ซึ่งพฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ ถือเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ โจ่งแจ้ง ไม่เกรงกลัวกฎหมายของไทย โดยการกระทำในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 67 (3) แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ซึ่งต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขณะนี้ได้ประสานทางฝ่ายกฎหมาย ไปตรวจสอบว่าบริษัทไหนเป็นผู้ส่งสัญญาณไปยังฝั่งเมียนมา ซึ่ง กสทช.ยืนยันจะดำเนินคดีในทุกข้อกล่าว ทั้งโทษทางอาญาและโทษปรับ  รวมทั้งประสานตำรวจกองปราบปรามมาทำคดีนี้ด้วย

ขณะที่ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. (ศปอส.ตร.) ได้ดำเนินปฏิบัติการตาม “ยุทธการระเบิดสะพานโจร” เพื่อเป็นการตัดช่องทางติดต่อระหว่างคนร้ายกับประชาชน  โดยที่ผ่านมาได้ประสานงานกับ กสทช. อย่างใกล้ชิด มีการจับกุมมีผลการทลายเครือข่ายขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบบูรณาการในทุกมิติ ซึ่งปฏิบัติการที่ชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

การตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับผลกระทบบ้าง และเชื่อว่าเครือข่ายนี้น่าจะเป็นขบวนการใหญ่ โดยตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดและเร่งขยายผลทลายเครือข่ายชายแดนจังหวัดตากอย่างเร่งด่วน  พร้อมประกาศว่า หากบริษัทเอกชนรายใดส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้กับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และจีนเทา จะถูกดำเนินคดีทุกข้อหาที่เข้าข่ายอย่างเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจและ กสทช. จะมาตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ เกิดมีข่าวรั่วไหล ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่าย รีบตัดสายสัญญาณไปก่อนหน้านั้นแล้ว เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ กสทช. ตรวจสอบได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังไล่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ว่ามีบริษัทไหนบ้างที่เข้ามารับจ้างดำเนินการเดินสายสัญญาณบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ljdJUvJvBbU

คุณอาจสนใจ

Related News