สังคม
"เชน ธนา" พาสื่อดูโกดัง ยืนยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขาย พร้อมยืนยันไม่ได้โกงคู่กรณี
โดย gamonthip_s
23 พ.ย. 2567
269 views
(23 พ.ย.) นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน อดีตนักร้องชื่อดัง ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทอาหารเสริมอมาโด้ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข้อพิพาทของบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด พร้อมพาสื่อมวลชนตรวจนับสินค้า ที่ค้างอยู่ในโกดังเก็บสินค้าของอมาโด้ ย่านบึงกุ่ม ซึ่งยังมีสินค้าค้างอยู่ในสต็อกจำนวนกว่า 4,904,202 ซอง โดยก่อนหน้านี้ถูกผู้บริหารบริษัทหนึ่ง ออกมาระบุว่า ถูก เชน ธนา ฉ้อโกงไม่จ่ายค่าสินค้าเกือบ 79 ล้านบาท ซึ่งค้างชำระมาตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. 64
เชน ธนา พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ยังไม่ชำระหนี้ดังกล่าวโดยมี 3 ปัจจัยว่า สาเหตุแรกเนื่องจาก การสั่งซื้อสินค้าล็อตที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.64 จำนวน 4,500,000 ซอง ซึ่งมีกำหนดต้องได้รับสินค้าในเดือน มิ.ย.64 แต่เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 พบว่าสินค้าที่ได้สั่งซื้อไปกับบริษัทคู่กรณีเป็นสินค้าไม่ตรงกับสรรพคุณที่เสนอขายไว้ ทำให้ทางบริษัทของเชน ธนา ไม่สามารถยื่นขอใบอนุญาตจัดทำฉลากและกล่องบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการโฆษณาขายสินค้าออนไลน์ และจำหน่ายทุกประเภท ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง อย. ได้ส่งเอกสารแจ้งมายังบริษัทตนเองว่ากล่องบรรจุภัณฑ์ผิด ตนในฐานะผู้บริหารบริษัทจึงจำเป็นต้องเรียกสินค้าเก่าที่จำหน่ายไปแล้วทั่วประเทศกลับมา ซึ่งสินค้าจำหน่ายไปแล้วเป็นสินค้าล็อตแรกที่สั่งจากบริษัทคู่กรณี เพื่อทำการแก้ไขกล่อง แต่จนถึงขณะนี้ อย.ก็ยัง ไม่อนุญาต เนื่องจากผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพตามที่บริษัทเสนอขาย จึงทำให้เกิดความล่าช้าของการจำหน่ายสินค้าออกไปอีก
ที่ผ่านมา บริษัทของตนเอง และบริษัทคู่กรณี ได้มีการพูดคุยเจรจากันมาโดยตลอด จนกระทั่งบริษัทคู่กรณีตัดสินใจยื่นคำร้องขออนุญาต อย. เรื่องการโฆษณา และฉลากผลิตภัณฑ์ให้แต่ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน ทำให้บริษัทของตนเองไม่สามารถโฆษณา และจำหน่ายสินค้าได้ จึงยังไม่มีเงินไปชำระค่าสินค้าดังกล่าว อีกทั้งตนมองว่าสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณาเสนอขายไว้ เมื่อตกลงกันไม่ได้ ตนจึงตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ขอให้ศาลเป็นผู้พิจารณาว่าคู่กรณีผิดสัญญาซื้อขาย และขอยกเลิกสัญญา พร้อมขอให้คู่กรณีนำสินค้าคืนทั้งหมด ซึ่งคู่กรณี ยื่นคำร้องโต้แย้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้บริษัทของตนชำระหนี้ ซึ่งศาลพิพากษาให้คู่กรณีชนะ ตนจึงได้ทำการยื่นอุทธรณ์ต่อขอให้ศาลพิจารณาว่าคู่กรณีโฆษณาสินค้าเกินจริงใช่หรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งหากศาลอุธรณ์พิพากษาว่าตนแพ้คดี ก็พร้อมยอมรับและชำระหนี้ แต่หากคู่กรณีแพ้ก็ต้องรับคืนสินค้าทั้งหมดไป
อย่างไรก็ตามสินค้ากว่า 4,904,202 ซอง ยังคงอยู่ในคลังสินค้าของบริษัท ไม่มีการจำหน่ายออกไปแม้แต่ซองเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจกองปราบปรามรวมถึงบริษัทคู่กรณีได้เข้ามาทำการตรวจสอบแล้ว
สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ ตนแค่ต้องการออกมาชี้แจงต่อสังคม เพราะข่าวที่ออกไปทำให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงอยากใช้โอกาสนี้แถลงยืนยันไม่มีเจตนาฉ้อโกงสินค้าที่สั่งซื้อมาทั้งหมดยังอยู่ครบ รอคำสั่งศาลอุธรณ์ พร้อมระบุว่า ในช่วงที่ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของศาล บริษัทของตนเองก็ได้รับความเสียหาย เพราะสินค้าที่อยู่ในคลังเริ่มทยอยหมดอายุ ทั้งที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป อีกทั้งการโฆษณาสินค้าดังกล่าวในสื่อต่างๆ ที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ก็ได้ดำเนินการไปล่วงหน้าแล้ว บริษัทจึงเสียหาย จากการที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าดังกล่าวได้มิใช่น้อย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคดียังไม่สิ้นสุด แต่ที่ทางคู่กรณีออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวต่อสื่อมวลชน จะดำเนินการฟ้องร้องกับฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ เชน ธนา ระบุว่า ตอนนี้ตนไม่มีสมองไปคิดเรื่องนั้นเลย ทุกวันนี้วิ่งเคลียร์ปัญหาภายในบริษัท มากกว่า เพื่อให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ซึ่งต้องขอบคุณคู่ค้าและกลุ่มลูกค้า ที่ยังเชื่อมั่นในตัวเองและบริษัทอยู่จึงอยากใช้โอกาสนี้ร้องขอความเป็นธรรมจากสังคมให้มั่นใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างบริษัทกับบริษัท ไม่ใช่เรื่องของบริษัทกับสังคม พร้อมย้ำตนไม่ได้ฉ้อโกง
ส่วนกรณีที่คู่กรณีไปยื่นฟ้องในคดีอาญานั้น ครั้งแรกตนทราบมาว่า คู่กรณีไปแจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม ซึ่งตำรวจกองปราบปรามมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เพราะเห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแพ่ง ต่อมาอัยการกลับสั่งฟ้องซึ่งตนไม่ทราบเหตุผลในเรื่องดังกล่าวแต่ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหามาแล้วในวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็มีหน้าที่จะต้องดำเนินการต่อสู้คดีต่อไป ทั้งนี้ในระหว่างการสอบสวนคดีอาญาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกพยานไปยังคู่ค้ารายอื่น เพื่อสอบปากคำตนมีพฤติการณ์ฉ้อโกงหรือไม่ ซึ่งคู่ค้ารายอื่นก็ยังยืนยันว่าไม่พบพฤติการณ์ดังกล่าว