สังคม

'เชน ธนา' ลั่นไม่ได้โกง พาดูโกดัง ยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขายเอาเงินไปใช้

โดย panwilai_c

23 พ.ย. 2567

13 views

ความคืบหน้าอีกคดีที่อดีตนักร้องดังถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกง ล่าสุด เชน ธนา ก็พาสื่อไปดูโกดัง เพื่อยืนยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขายเอาเงินไปใช้ ยืนยันไม่ได้โกงคู่กรณี



นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน อดีตนักร้องชื่อดัง ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทอาหารเสริมอมาโด้ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข้อพิพาทของบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด พร้อมพาสื่อมวลชนตรวจนับสินค้า ที่ค้างอยู่ในโกดังเก็บสินค้าของอมาโด้ ย่านบึงกุ่ม ซึ่งยังมีสินค้าค้างอยู่ในสต๊อกจำนวนกว่า 4,904,202 ซอง โดยก่อนหน้านี้ถูกผู้บริหารบริษัท ไทยยินตันจำกัด ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น มาจำหน่ายในประเทศไทย ออกมาระบุว่าถูก เชน ธนา ฉ้อโกงไม่จ่ายค่าสินค้าเกือบ 79 ล้านบาท ซึ่งค้างชำระมาตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม 2564



เชน ธนา พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ยังไม่ชำระหนี้ดังกล่าวโดยมี สาเหตุ คือ สินค้าที่ได้สั่งซื้อไปกับบริษัทคู่กรณีเป็นสินค้าไม่ตรงกับสรรพคุณที่เสนอขายไว้ทำให้ทางบริษัท ไม่สามารถยื่นขอใบอนุญาตจัดทำฉลากและกล่องบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการโฆษณาขายสินค้าออนไลน์และจำหน่ายทุกประเภท



ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง อย. ได้ส่งเอกสารแจ้งมายังบริษัทตนเองว่ากล่องบรรจุภัณฑ์ผิด ตนในฐานะผู้บริหารบริษัทจึงจำเป็นต้องเรียกสินค้าเก่าที่ จำหน่ายไปแล้วทั่วประเทศกลับมา ซึ่งสินค้าจำหน่ายไปแล้วเป็นสินค้าล็อตแรกที่สั่งจากบริษัทคู่กรณี เพื่อทำการแก้ไขกล่อง แต่จนถึงขณะนี้ อย.ก็ยัง ไม่อนุญาตเนื่องจากผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพตามที่บริษัทเสนอขาย จึงทำให้เกิดความล่าช้าของการจำหน่ายสินค้าออกไปอีก



เชน ธนา บอกอีกว่า ที่ผ่านมา บริษัทของตนเองและบริษัทคู่กรณีได้มีการพูดคุยเจรจากันมาโดยตลอด จนกระทั่งบริษัทคู่กรณีตัดสินใจยื่นคำร้องขออนุญาตอย. เรื่องการโฆษณาและฉลากผลิตภัณฑ์ให้แต่ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน ทำให้ บริษัทของตนเองไม่สามารถโฆษณาและจำหน่ายสินค้าได้ จึงยังไม่มีเงินไปชำระค่าสินค้าดังกล่าว



อีกทั้งตนมองว่าสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณาเสนอขายไว้ เมื่อตกลงกันไม่ได้ จึง ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ขอให้ศาลเป็นผู้พิจารณาว่าคู่กรณีผิดสัญญาซื้อขาย และขอยกเลิกสัญญา พร้อมขอให้คู่กรณีรับสินค้าคืนทั้งหมด



คู่กรณี ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้บริษัทของตนชำระหนี้ ซึ่งศาลพิพากษาให้คู่กรณีชนะ



จึงได้ทำการยื่นอุทธรณ์ต่อ ขอให้ศาลพิจารณาว่าคู่กรณีโฆษณาสินค้าเกินจริงใช่หรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งหากศาลอุธรณ์ พิพากษาว่าแพ้คดี ก็พร้อมยอมรับและชำระหนี้ แต่หากคู่กรณีแพ้ก็ต้องรับคืนสินค้าทั้งหมดไป



โดยยืนยันว่าสินค้า ทั้งหมดยังคงอยู่ในคลังสินค้าของบริษัทไม่มีการจำหน่ายออกไปแม้แต่ซองเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจกองปราบปรามรวมถึงบริษัทคู่กรณีได้เข้ามาทำการตรวจสอบแล้ว และยืนยันไม่มีเจตนาฉ้อโกง

คุณอาจสนใจ

Related News