สังคม

ไร้ญาติประกันตัว 'ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' นอนคุก อ้างสั่งซื้อหินจากจีนจริง แต่ติดพนันหนัก หมุนเงินไม่ทัน

โดย nattachat_c

13 พ.ย. 2567

359 views

คอตกนอนคุก ศาลอาญารับคำร้อง ‘ตี่ลี่ฮวงจุ้ย’ หลังกองปราบ คุมตัวฝากขัง ด้านเจ้าตัว-ครอบครัว ไม่มีใครยื่นประกันตัว ส่งเข้าเรือนจำทันที

ความคืบหน้าการจับกุม นายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หรือ 'ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ ฟอกเงิน ซึ่งในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

วานนี้ (12 พ.ย.67) ช่วงบ่าย พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำตัวนายธนวันต์ หรือ อาจารย์อ๊อด ออกจากห้องควบคุมกองปราบปราม ขึ้นรถตู้ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก  

โดยอาจารย์อ๊อด ใส่หน้ากากอนามัย สวมเสื้อสีม่วง กางเกงสีครีม มีหน้าเรียบเฉย ผู้สื่อข่าว สอบถามว่า ได้โกงเงินผู้เสียหายจริงหรือไม่ ติดการพนันจริงหรือไม่ แต่อาจารย์อ๊อดไม่ตอบคำถาม และขึ้นรถตู้ไปทันที

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 11 พ.ย. 67 ตำรวจสอบปากคำอาจารย์อ๊อดจนดึก ก่อนจะให้เข้าไปพักที่ห้องขัง ซึ่งพนักงานสอบสวนสังเกตได้ว่าเจ้าตัวเครียด แต่พยายามไม่ได้แสดงออก พยายามยิ้มแย้มแจ่มใส บอกกับตำรวจว่า จะรอญาติมาเยี่ยม มาประกันตัว แต่สุดท้าย ก็ไม่มีใครมาเยี่ยม หรือขอประกันตัว

ส่วนคำให้การของอาจารย์อ๊อด ที่ตอนแรกปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ต่อมาก็เริ่มมีท่าทีอ่อนลง และให้รายละเอียดทางคดีเพิ่มขึ้น โดยเป็นการยอมรับในเชิงภาคเสธ ว่าตนเองสืบทอดการดูฮวงจุ้ยมาจากพ่อและพี่สาว ยืนยันว่า ได้สั่งซื้อรูปปั้นกิเลนจากต่างประเทศจริง โดยแต่เดิมสั่งจากมาเลเซีย แต่ถูกบริษัทยกเลิก จึงมาสั่งผลิตในประเทศไทย แต่สินค้าไม่ตรงตามความต้องการ จึงเปลี่ยนไปสั่งจากประเทศจีน และที่ของไม่ได้เพราะไม่มีเงินไปรับสินค้า เนื่องจากระยะหลังมีปัญหาทางการเงิน หนี้สินเยอะ

ส่วนแฟนสาวดีเจนุกนิก ที่เข้าให้ปากคำช่วงเย็นวันที่ 11 พ.ย. ให้การขัดแย้งกับอาจารย์อ๊อดอยู่ ยังต้องตรวจสอบหลายประเด็น แต่จากพยานหลักฐานที่มีเชื่อว่า ดีเจนุกนิกไม่ได้ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนเรื่องการใช้บัญชี และเส้นทางการเงิน อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม

เวลา 13.40 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำตัวอาจารย์อ๊อดไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกที่ศาลอาญา ในความผิดฐานฉ้อโกง และฟอกเงิน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18) มาตรา 5 (1)(2) และมาตรา 60  

โดยท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรค หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน  

ศาลอาญาพิจารณาคำร้อง และสอบผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ และผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป

ย้อนกลับไป ตอนเวลาประมาณ 11.00 น. มีผู้เสียหายในคดี 'ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' เดินทางมายังกองปราบ พร้อมกับลูกสาว เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม และคัดค้านการประกันตัวอาจารย์อ๊อด โดยบอกว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมแบบนี้มานาน คุณแม่ก็เคยเอะใจ พยายามสอบถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน และผู้ต้องหาจะมีกลยุทธ์ในการพูดเชิญชวนให้เช่าวัตถุมงคล สุดท้ายก็ไม่ได้ของ

ส่วนที่คุณพ่อ และพี่สาว ของผู้ต้องหาออกมาแถลง ก็รู้สึกเห็นใจ "ถ้าเขาไม่โลภจะดีกว่านี้ ถ้าเอาเงินไปแล้วจัดหาสิ่งของมาได้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิด"  

สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อทั้งหมด 67 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 108 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในคำร้องต่อศาลได้ระบุพฤติการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหาย และประชาชนทั่วไป ได้ดูคลิปรายการที่ผู้ต้องหาไปออกรายการต่าง ๆ เช่น...

  • รายการทูเดย์โชว์
  • รายการโหนกระแส
  • รายการ Perspective
  • รายการตี่ลี่ ฮวงจุ้ย ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับศาสตร์ในการดูฮวงจุ้ย

ซึ่งผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นอาจารย์ที่มีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยบ้านพัก โรงงาน และสถานประกอบการ โดยมีการประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อไว้ ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นทายาทตี่ลี่ฮวงจุ้ย รุ่นที่ 15 ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ตี่ลี่ฮวงจุ้ย จึงเกิดความสนใจ และต้องการปรึกษา

ต่อมา ผู้เสียหายจึงติดต่อไปตามหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการประชาสัมพันธ์ไว้ มีผู้รับสายซึ่งได้แสดงตัวเป็นแอดมินของ ตี่ลี่ฮวงจุ้ย และให้ติดต่อกับแอดมินผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ แอดมินแจ้งค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างดูฮวงจุ้ยบ้าน ผู้เสียหายตกลงได้โอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ต้องหาเป็นค่าจ้างดูฮวงจุ้ย และต่อมาผู้ต้องหาได้มาทำพิธีดูฮวงจุ้ยที่บ้านของผู้เสียหาย แล้วผู้ต้องหากล่าวอ้างสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์แตกต่างกันไป ดังนี้

1. เรื่องสิ่งของภายในบ้าน ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าเป็นธนูลม (ช่องลมระหว่างคอนโด), หม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ในจุดที่ไม่ดี ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าวส่งผลให้บิดาของผู้เสียหายป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งทางแก้ ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าจะต้องซื้อหินแกะสลักรูปสิงห์, รูปกิเลน และซื้อตี่จู้เอี๊ยะมาตั้งภายในบริเวณบ้าน ในจุดต่าง ๆ ที่แจ้งไป เพื่อให้ป้องกันสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาภายในบ้าน ทั้งขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหาเป็นค่าหินแกะสลักรูปสิงห์ และกิเลน ขนส่งจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากร รวมค่าสินค้า, ค่าขนส่ง และค่าภาษีอากรต่าง ๆ ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,350,000 บาท

2. ผู้ต้องหาหลอกลวงว่า ศาลพระภูมิแบบเดิมที่อยู่ในบ้านของผู้เสียหายเป็นศาลพระภูมิแบบไทย มีผีมาอยู่ จะส่งผลไม่ดีแก่คนในบ้าน หากตั้งศาลพระภูมิแบบจีนจะทำให้กิจการค้าขายดี จึงต้องล้มศาลพระภูมิเดิม แล้วตั้งศาลพระภูมิใหม่ รวมทั้ง ค่าฝังเข็มเงิน-เข็มทอง รวมพิธีไหว้ และเรียกร้องเงินค่าศาลพระภูมิ และค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 6,204,000 บาท

3. หลอกลวงให้ซื้อที่ดินทำพิธีแซกี หรือเรียกว่าสุสานคนเป็น อ้างว่า ถ้าทำแล้วบุคคลในครอบครัวจะมีสุขภาพดี อายุยืน และจะได้รวมบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วมาอยู่ที่เดียวกัน แล้วอ้างว่าจะต้องซื้อที่ดินที่จังหวัดชลบุรี แล้วต้องสั่งหินมาจากประเทศจีน รวมทั้งมีค่าถมที่ดิน, ค่าแกะสลักหิน ค่าขนส่งหินจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากร เรียกร้องเงินค่าซื้อที่ดิน, ค่าซื้อหิน ฯลฯ จากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 45,694,496 บาท

4. หลอกลวงว่ามีบุคคลทำพิธีนำผงกระดูกผีใส่บ้านผู้เสียหาย ส่งผลให้ผู้เสียหาย และครอบครัวเดือดร้อน ต้องทำพิธีนำพระผงกระดูกผีลงมุมบ้านทั้ง 4 ทิศ เพื่อป้องกัน และแก้ไขพิธีทางไสยศาสตร์ที่มีผู้ทำมา เรียกร้องค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 4,400,000 บาท

5. หลอกลวงว่าที่บ้านของผู้เสียหายมีองค์เทพมาอาศัย ต้องบูชารูปปั้นองค์เทพจำนวน 4 องค์ เพื่อให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เรียกร้องเงินค่ารูปปั้นจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 347,000 บาท

6. หลอกลวงเรื่องค่าใช้จ่ายของส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยอ้างว่า รัฐบาลประเทศจีนจะให้ผู้ต้องหาเดินทางไปดูฮวงจุ้ยที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ประเทศจีน แล้วรัฐบาลประเทศจีนจะกักตัวผู้ต้องหาไว้ หากไม่ต้องการให้ประเทศจีนกักตัวก็จะต้องนำเงินไปลงทุนเปิดบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอ้างว่าต้องใช้เงินจำนวน 2,100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 2,100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 65,556,996 บาท

ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาจะครบกำหนด 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 40 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 พฤศจิกายน 2567

ศาลอาญาพิจารณาคำร้องและสอบผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ขณะที่ ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงจะนำตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายละเอียดการสอบปากคำ นายธนวันต์ ให้การภาคเสธโดยยอมรับว่าเป็นคนแนะนำให้ผู้เสียหายซื้อหินปูพื้นจากประเทศจีนเพื่อแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาจริง แต่ไม่ได้เจตนาจะฉ้อโกง เพราะได้ทำเรื่องสั่งซื้อหินจากจีนไปแล้ว

เพียงแต่ระยะหลังติดการพนันอย่างหนัก จึงนำเงินที่ผู้เสียหายให้มาไปใช้เล่นพนันจนหมด ทำให้ขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินจ่ายค่าหินจากจีน จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมา


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lK5QDNLbNv4


คุณอาจสนใจ

Related News