สังคม

‘หมอดูฮวงจุ้ย’ ปัดเล่นพนัน รับปากคืนเงิน หลังหลอกอาม่าทำพิธีเสริมดวงสูญ 66 ล้าน เหยื่อโผล่แฉอีกเพียบ

โดย petchpawee_k

5 พ.ย. 2567

2.1K views

ผู้เสียหายแจ้งความกองปราบฯเอาผิดหมอดูฮวงจุ้ย หลอกทำพิธีเสริมดวงให้บ้านอยู่เย็นเป็นสุข สูญเงิน 66 ล้านบาท ผู้เสียหายโผล่เพียบ “ลูกสาวยายแสงเดือน” ไม่เชื่อ “หมอดูฮวงจุ้ย” อ้างจะคืนเงินให้ เตือนอย่าเอาวิชาที่ร่ำเรียนมาล้อเล่น ขณะที่ “อดีตคนสนิท” เสียใจ “หมอดูดัง” ใช้ชื่อเสียงสร้างความเสียหาย

กรณีเพจบิ๊กเกรียน เปิดเรื่องราวหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังฉ้อโกงคนแก่และลูกสาว ทักทำนายแนะนำทำพิธีเสริมดวงให้บ้านอยู่เย็นเป็นสุข ซื้อที่สร้างสุสานคนเป็น ทุบศาลเก่าตั้งศาลใหม่ ขุดหลุมโรยผงกระดูกผีรอบบ้าน สูญเงินไป 66 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายอีกหลายโดนหลอกลักษณะเดียวกัน บางคนเดินทางมาร้องเรียนเพิ่มที่ช่อง 3

ทีมข่าวไปที่บ้านของสองแม่ลูก ย่านจรัญสนิทวงศ์ กรุงเทพฯ พาทีมข่าวเดินสำรวจดูรอบบริเวณบ้านและชี้ให้ดูจุดที่หมอดูฮวงจุ้ยบอกให้ทำพิธีต่างๆ เพื่อเป็นการเสริมดวงและแก้ฮวงจุ้ย เนื่องจากหมอดูอ้างว่า คอนโดที่มาสร้างอยู่ติดกับบ้านของสองแม่ลูกนั้นทำของทำคุณไสยใส่ที่บ้านเพราะต้องการที่ดินแปลงนี้ไปสร้างเป็นคอนโดเพิ่ม โดยเสียเงินทำพิธีไปทั้งหมด 66 ล้านบาทตามที่ทางเพจได้ลงข้อมูลไว้

ยายแสงเดือน อายุ 76 ปี ผู้เป็นแม่ เล่าว่า ดั้งเดิมตนเป็นคนที่นี่ เกิดและอยู่ที่นี่มา 70 กว่าปี ตั้งแต่ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นสวน ที่ผ่านมาตนและครอบครัวก็อยู่กันอย่างร่มเย็นปกติสุข จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3-4 ปี ก่อนเริ่มมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าและคอนโด โดยทางคอนโดได้ขอซื้อที่ด้านข้างบ้านของตนเพื่อทำทางเข้าออก ตนก็ตัดสินใจขายให้

หลังจากนั้นได้เงินมาก้อนหนึ่งก็นำมาปรับที่ ปรับทาง สร้างบ้านใหม่ เนื่องจากบ้านหลังเดิมค่อนข้างเก่าและทรุดโทรม ปรากฏว่าคอนโดที่สร้างอยู่ติดกันสร้างเป็นตึกสูง 2 ตึก ตนรู้สึกว่า มันบังทิศทางลมและรู้สึกว่าฮวงจุ้ยไม่ค่อยดี ประกอบกับระหว่างที่ตนสร้างบ้านก็จะมีปัญหาจุกจิก เช่น กำแพงร้าว บ้านทรุด ทำอะไรก็ดูติดขัดไม่ราบรื่น

ตนและลูกสาวได้ดูรายการโทรทัศน์เห็นหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังออกรายการ จึงติดต่อให้มาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน และเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับหมอดูคนนี้เดินทางมาดูฮวงจุ้ยให้ถึงบ้านราคาเริ่มต้น 55,000 บาท เมื่อประมาณต้นปี 2567 หลังจากนั้นหมอดูก็จะทักให้ปรับตรงนั้นแก้ตรงนี้ทำพิธีอีกหลายอย่าง

จนตนเองและลูกสาวมารู้ตัวอีกที คือ เงินที่เก็บไว้หมดเกลี้ยง ถึงได้รู้สึกตัวและทวงถามหมอดูไป เพราะมีของหลายอย่างที่สั่งซื้อตามคำแนะนำของหมอดูแต่ยังไม่ได้ เช่น สิงห์คู่ตัวใหญ่ หมอดูบอกว่าเป็นพ่อสิงห์ แม่สิงห์ ต้องนำมาตั้งหน้าศาลพระภูมิ เพื่อเป็นการเสริมฮวงจุ้ยและศาลพระภูมิก็ต้องทุบทิ้งสร้างใหม่เป็นแบบศาลจีน

ซึ่งสิงห์คู่ตัวใหญ่ตนก็ยังไม่ได้ หมอดูอ้างว่าต้องแกะสลักจากหินสุสานที่ประเทศจีนต้องใช้เวลา หมอดูจึงให้สิงห์คู่ตัวเล็ก ของที่บ้านหมอดูมาตั้งแทน, และที่เสียเงินก้อนจำนวนมากคือการทำพิธีแจกีต้องซื้อที่ซื้อทางเสียเงินไป 40 กว่าล้านบาท พอลูกสาวถามหาโฉนด และขอดูที่ดินก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง และพูดตะคอกสวนกลับมาในลักษณะไม่พอใจอีกด้วยที่ไปทวงถาม

ตนกับลูกสาวจึงรู้สึกตัวแล้วว่า น่าจะโดนหลอก จึงพากันไปแจ้งความดำเนินคดีและต้องการให้หมอดูคืนเงินมาทั้งหมด พร้อมฝากถึงหมอดูว่าเงินที่ให้ไปเพื่อทำพิธีไม่ใช่การให้ด้วยเสน่หา ถ้าไม่ได้ของก็ขอเงินคืนอย่าไปทำบาปสร้างเวรสร้างกรรมแบบนี้กับใครอีกเลยขอให้บ้านของตนเป็นบ้านหลังสุดท้าย

ยายแสงเดือน ระบุว่า สิ่งที่ทางอาจารย์คู่กรณีชี้แจงมองว่าโกหก เพราะของที่ตนสั่งเข้ามาเป็นทางรถ และจะส่งภายใน 15 วัน แต่วันนี้เขากลับมาบอกว่าเพิ่งจะแกะสลัก มันเป็นการตอบแบบกลับไปกลับมา ส่วนตัวไม่เชื่อแล้วตอนนี้ คิดว่าไม่น่าจะได้เงินคืน ทำใจแล้ว เงินทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราเก็บเงินมา มันเก็บสะสมมา มีอาชีพเก่ารับราชการ มันก็ไม่น่าจะเสียใจอะไรแล้ว คนที่เขาหลอก น่าจะคิดได้ มันต้องคิดแล้วถึงจะทำไม่ใช่ทำแล้วมาขอโทษ ไม่น่าเอาวิชาที่ร่ำเรียนมามาล้อเล่นแบบนี้ ตนไม่อยากสื่อสารและไม่อยากบอกอะไรเขามากให้เอาเงินมาคืน

ขณะที่คุณยุ้ย (นามสมมติ) ลูกสาว เล่าว่า ก่อนหน้านี้ช่วงหนึ่งคุณแม่มีอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรงและไม่ค่อยกินข้าวช่วงนั้นคุณแม่และน้องได้ดูคลิปวิดีโอการดูฮวงจุ้ยบ้านและไปพบว่า หมอดูคนดังกล่าวดูน่าเชื่อถืออีกทั้งช่วงนั้นที่บ้านมีการซ่อมแซมบ้านเป็นประจำคุณแม่และน้องสาวก็เกิดความสงสัยว่า ไปทำอะไรผิดหรือไม่หรือฮวงจุ้ยที่บ้านไม่ดีจึงตกลงกันว่าจะ เชิญหมอดูท่านนี้มา

โดยติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊กและนัดมาดูฮวงจุ้ยที่บ้านเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 โดยตอนนั้นอาจารย์คนดังกล่าวเรียกค่าใช้จ่าย ราคา 55,000 บาท แบ่งจ่ายเป็นสองงวด งวดแรก 20,000 บาทและอีกงวดคือ 35,000 บาท โดยหมอดูบอกว่า บ้านหลังนี้ต้องมีการนำเครื่องรางมาช่วยเพราะอยู่ใกล้กับคอนโด แรงของคอนโดจะดึงดูดพลังของคนในครอบครัวไปและอาจจะทำให้คุณแม่ คุณพ่อเสียชีวิตได้ ดังนั้นต้องรีบทำ เพราะถ้าพลังงานหมด ก็คือ หมดชีวิต

มาวันแรกหมอดูก็ขอให้สั่งซื้อ สิงห์และกิเลน มาตั้งที่หน้าบ้านสองตัวและที่หน้าศาลพระภูมิสองตัวโดยสั่งมาจากประเทศจีน คู่ละ 1,200,000 บาท ค่าจัดส่งอีก 100,000 บาท รวม 1,300,000 บาทต่อคู่และต้องสั่งทั้งหมด 4 คู่ รวมเป็นเงิน 5,200,000 บาท ครอบครัวตนตัดสินใจสั่งซื้อตามคำแนะนำของหมอดูเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่หรือคนในครอบครัวเป็นอะไร นอกจากนี้หมอดูยังให้สั่งเทพเจ้า 4 องค์ มี เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อกวนอู เทพเจ้าไถ่ซินเอี๊ยะ และเทพเจ้าจงขุ่ย รวมเป็นเงินอีก 400,000 กว่าบาท คุณยุ้ยบอกว่า ทั้งหมดนี้สั่งไปตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงเดือนพฤศจิกายน ก็ไม่ได้รับของตามที่สั่งและเงินก็จ่ายไปหมดแล้ว

จากนั้นก็มีการทำพิธี โรยพระผงกระดูกผี ซึ่งจะต้องเจาะพื้นเป็นหลุด 4 มุมรอบบ้าน ค่าใช้จ่ายจำนวน 4,400,000 บาท ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวตนได้เข้าแจ้งความตำรวจได้มาเก็บ ตัวอย่างดินทุกหลุมเพื่อตรวจสอบ ตรวจ DNA ว่าเป็นกระดูกของอะไร นอกจากนี้ยังมีการทำพิธีขึงแหเพื่อดักจับสิ่งไม่ดีและให้เด้งออกไปจากชีวิต โดยทำ 2 จุดที่หน้าบ้านและหลังบ้านราคา 1 ล้านบาท

แล้วหมอดูบอกว่าศาลพระภูมิเจ้าที่ของเดิมต้องทุบทิ้งและสร้างศาลพระภูมิใหม่ในลักษณะแบบจีน และเสียค่าทำพิธีตั้งศาลตี่จูเอี้ยในบ้าน 20,000 , ค่าของไหว้ 30,000 , ค่ารูปปั้นและศาล 140,000 บาท รวมเป็นเงินอีก 190,000 บาท ที่เสียให้กับหมอดูคนนี้ และพิธีสำคัญที่ทำให้ครอบครัวตนเสียเงินก้อนใหญ่อีกกว่า 44 ล้านบาท คือ พิธีแซกี หรือ สุสานคนเป็นที่จังหวัดชลบุรี โดยหมอดู บอกว่า พวกเศรษฐี ระดับเจ้าสัวเขาก็ทำกัน โดยให้ครอบครัวตนซื้อที่ดินและมีการนำหินจากประเทศจีนนำเข้ามาเพื่อทำพิธีด้วย

ค่าซื้อที่ดินราคา 4,500,000 บาท ,ค่าหินที่นำเข้าจากประเทศจีนราคา 38 ล้านบาท ค่าแกะสลักหินป้ายชื่อ 200,000 บาท เสียค่านำเข้าหินผ่านศุลกากร 200,000 บาท ค่าภาษี 600,000 บาท  และมียืมเงินอีก 500,000 บาท (ยังไม่คืน) โดยอ้างว่าเป็นค่านำเข้าของลูกศิษย์คนอื่น ขอยืมก่อน และอ้างอีกว่าทางการประเทศจีนติดต่อให้หมอดูไปดูฮวงจุ้ยที่ประเทศจีน ไปดูสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งต้องมีหลักทรัพย์วางเงินประกันจึงขอยืมตนไปอีก 2 ล้านบาท

คุณยุ้ย ยังระบุอีกว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นด้วยความเชื่อและศรัทธาในตัวอาจารย์จึงยอมทำและเสียเงินทั้งหมดรวมกว่า 66 ล้านบาท แต่พอทำไปแล้ว กลับไม่มีผลใดๆ กับชีวิตเลย ไม่มีความเปลี่ยนแปลง มีแต่จ่ายเงิน แต่ไม่ได้ของ ครอบครัวตนจึงไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีและร้องเรียนสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบหมอดูคนนี้ด้วย

ขณะที่หมอดูคนดังกล่าว ยังได้โทรศัพท์มาหาคุณยุ้ยและตำหนิว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมถึงนำเรื่องไปร้องเรียนผ่านสื่อผ่านเพจต่างๆ ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียง แทนที่จะคุยกันก็ได้ แต่คุณยุ้ยบอกว่า ไม่ต้องการคุยแล้วเพราะต้องการเงินคืนทั้งหมด หมอดูรายนี้บอกว่า ถ้าหากไม่อยากทำพิธี หรือไม่ต้องการของที่สั่งแล้วก็ให้บอกได้จะได้ขายให้คนอื่น แล้วจะเอาเงินมาคืนให้ โดยหมอดูพยายามที่จะขอเจรจาเพื่อไม่ให้คุณยุ้ยดำเนินคดี หรือเป็นข่าวแต่คุณยุ้ยยืนยันว่าจะดำเนินคดี หากไม่อยากให้ดำเนินคดีก็นำเงินมาคืนทั้งหมดและคืนเป็นก้อนทีเดียว

คุณยุ้ย ลูกสาวของยายแสงเดือน บอกกับทีมข่าวหลังว่า สิ่งที่อาจารย์คู่กรณีได้พูดโฟนอินในรายการโหนกระแสนั้น ตนไม่เชื่อว่าจะได้เงินคืน เพราะว่าจะเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาโอกาสที่จะได้เงินคืนเป็นไปได้ยาก การที่ให้สัมภาษณ์ก็พูดไปเรื่อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็น่าเชื่อถือ แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ยอมรับว่าหมดความเชื่อถือไปแล้ว

ทีมข่าวยังได้คุยกับคุณกวาง เล่าว่า ตนมีที่ดินอยู่  2 ไร่ 1 งาน ที่จังหวัดนครนายก อยากจะทำธุรกิจเป็น
รีสอร์ต จึงเสิร์ซกูเกิลหาคนที่ดูฮวงจุ้ย จนเจอเชื่ออาจารย์คนนี้ ตนเลือกอาจารย์ท่านนี้เพราะเห็นว่ามีการออกสื่อต่างๆ จึงประสานไปยังแอดมินเขาถามเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด 150,000 บาท โดยเขาให้มัดจำครึ่งหนึ่ง วันที่อาจารย์มาดูที่ดินให้จ่ายอีก  75,000 บาท พร้อมส้ม 4 ลูก อาจารย์มาดูที่ดินให้จริง อาจารย์บอกเป็นที่ว่างเปล่าควรจะมีสิงห์ 1 คู่ ขนาด 2 ฟุต ราคารวมๆ ประมาณ 3 แสนบาท  มาตั้งไว้ จะได้เป็นตัวแทนคล้ายว่าใครไปใครมาจะได้มองเห็นว่ามีคนอยู่

ข้อตกลงคือมีการดูฮวงจุ้ยที่ดินและแบบแปลนอาคาร การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ดูฤกษ์วางเสาเอกเสาโท ซึ่งสิ่งที่พูดมาทั้งหมดอาจารย์ไม่ได้ทำอะไรให้เลย มาดูแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่พอตนส่งแบบแปลนให้ดูภายหลังอีก อาจารย์ก็จะบอกว่า “ได้ครับ ใช้ได้แล้วครับ ดีครับ ทุกอย่างโอเคไม่ต้องปรับเปลี่ยน” เงินแสนกว่าบาทจ่ายไปหมดแล้ว ตนรู้สึกแปลกๆ เพราะอาจารย์บอกว่าอะไรก็ดีหมด ตนจึงติดต่อไปยังอาจารย์อีกคนหนึ่ง ส่งแบบแปลนไปให้ดู เขาบอกไม่ได้ต้องปรับแบบแปลน

ส่วนเรื่องสิงห์ ตอนที่อาจารย์มาดู ตนตัดสินใจจะเอาสิงห์ไว้ เพระอาจารย์บอกปลูกเสกเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งมอบกลางเดือน ส.ค. ตนจึงโอนเงินให้ทันที หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้รับสิงห์ ทักท้วงไปอาจารย์บอกกำลังจัดคิว สอบถามทุกเดือนก็อ้างสารพัดไม่เอาสิงห์มาส่ง จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับสิงห์ เขาอ้างว่าสิงห์แตกระหว่างขนส่ง ติดต่อขอคืนเงินมาร่วม 2 ปี แต่ยังไม่ได้เงิน จนกลายเป็นคดีความฟ้องร้องกันแล้ว “คุณเอาความเชื่อเอาวิชาชีพมาหลอกพวกเรา ก็เหมือนทำนาบนหลังคน ใช้ความรู้สึก ความเชื่อ ความคิดที่คุณมีประสบการณ์มาใช้หลอกลวงกับพวกเรา เราเชื่อเรื่องพวกนี้เพราะอยากให้การเงิน กิจการของเรารุ่งเรือง มันหมดความศรัทธา”

คุณเอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายอีกราย เผยว่า ตนให้อาจารย์มาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน มีการทักทำนายว่าแฟนจะป่วยหนักจึงได้แนะนำวิธีแก้ด้วยการนำสิงห์มาตั้งที่บ้าน 2 ตัว โดยอ้างว่าสั่งมาจากประเทศจีน ซึ่งอาจารย์ให้โอนเงินไปให้ 420,000 บาท ซึ่งตนโอนเข้าบัญชีของบริษัท จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับรูปปั้นสิงห์ ตนก็ทวงถามเรื่อยๆ ก็ยังไม่ได้สิงห์ ทางอาจารย์แจ้งว่าตอนนี้ยังไม่สามารถส่งของมาได้ หลังจากที่ตนทวงถาม อาจารย์บอกจะคืนเงินให้ 2 แสนบาท แต่ก็ยังไม่ได้รับเงิน ตนจึงยื่นคำขาดไปว่าขอคืนเงินทั้งหมดภายในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ตนทวงถามทางแชตไลน์ไม่มีคนตอบ ไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนหรือใม่ ตนเชื่ออาจารย์คนนี้เพราะเขาดัง ออกทีวี มีตัวตน อยากให้อาจารย์ออกมายอมรับและคืนเงินให้ทุกเคส


นอกจากนี้ทีมข่าวได้คุยกับคุณซินดี้ ธนิดา เกลอแก้ว กรรมการ บริษัท ศิตา เอเจนซี่ จำกัด เผยว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วตนได้รับการติดต่อจากหมอดูฮวงจุ้ย คนดังกล่าว ตอนนั้นเขายังไม่มีชื่อเสียง เขาแนะนำตัวว่าเป็นซินแส จากนั้นได้พูดคุยกัน ซึ่งอาจารย์เองก็เคยออกรายการกดูมีความน่าเชื่อถือ จากนั้นก็ได้ทำงานร่วมกัน โดยตนทำบริษัทเอเจนซี่ จึงได้ได้ดูแลหมอดูฮวงจุ้ย คนนี้ในการออกสื่อต่างๆ และมีการทำสัญญาให้อาจารย์ทำรายการโทรทัศน์ โดยบริษัทของตนเป็นคนดำเนินการ ทำสัญญาแบบคู่สัญญา ตนไปทำสัญญากับสถานี ส่วนอาจารย์ทำสัญญากับบริษัทของตน โดยการชำระเงินค่าเวลาอาจารย์ชำระให้ตน และตนไปชำระกับสถานี

พอเข้าสู่ปีที่ 2 อาจารย์ชำระล่าช้า ตนก็ช่วยเหลือด้วยการแอดวานซ์ไป หลังจากนั้นติดต่อยากขึ้น โทรหาอาจารย์ไม่รับสาย ไลน์หาไม่ตอบ เดือน มี.ค.67 อาจารย์ก็ชำระหนี้ช้าอีก และไม่เคยได้คุยกับอาจารย์เลย กระทั่งเป็นประเด็นข่าว อาจารย์ติดต่อมาหาขอประนอมหนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้แจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาล แต่พอวันนี้ตนเจอผู้เสียหายหายรายก็รู้สึกอึ้ง


ทั้งนี้ตนเป็นผู้เสียหายจากการทำธุรกิจร่วมกับอาจารย์ รวมเป็นเงินที่สูญไป 3 ล้านกว่าบาท ตนไม่คยพูดถึงอาจารย์ในแง่ลบ แต่อาจารย์บอกว่าตนแถลงข่าวทำให้เขาเสียหาย อยากให้เห็นใจตนบ้างต้องแบกหนี้ ถ้ายังไม่ได้รับเงินที่อาจารย์ค้างชำระอยู่ ตนก็ไม่มีเงินไปชำระหนี้เช่นกัน

--------------------------------

อ.อ๊อด “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” แจงปมเก็บเงินมาเป็นล้านให้บูชาสิงห์สร้างสุสานแซกีและอีกสารพัด ยันของบางอย่างสั่งทำอย่าจีน บางอย่างยังติดตั้งไม่ได้ต้องรอฤกษ์  ’หนุ่ม กรรชัย’ขอส่งทีมงานไปตรวจสอบสิงห์ที่จีนว่ามีจริงหรือไม่ อาจารย์บอกเป็นขั้นตอนของบริษัทให้เข้าไปดูไม่ได้ แต่ส่งรูปให้ดูได้ ปัดนำเงินไปเล่นพนัน

วานนี้ (4 พ.ย.) รายการโหนกระแส พูดคุยกับผู้เสียหายจากกรณีประเด็นร้อน หลังเพจ “บิ๊กเกรียน” ออกมาแฉ หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังหลอกทำพิธี พูดจาหว่านล้อมให้โรยพระผง กระดูกผีรอบบ้านเสริมมงคลหลุมละ 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งทำ 4 ทิศ รวมกว่า 4 ล้านบาท สุดท้ายสูญเงินรวมกว่า 66 ล้านบาท


ในช่วงออนไลน์ อ.อ๊อด ธนวันต์ อาจารย์ฮวงจุ้ยที่ถูกพาดพิง โฟนอินเข้ามาชี้แจง ในทุกประเด็นโดยในกรณีที่บอกว่าจะไปตั้งสิงห์ ตั้งกิเลน ให้บ้านของคุณแสงเดือน จะต้องรอให้พี่สาวของคุณแสงเดือนหายป่วยกลับมาอยู่ที่บ้านก่อน จึงจะไปทำพิธีตั้งให้ ซึ่งทราบว่าเขาก็เพิ่งจะกลับมาได้เดือนเศษๆ ส่วนเรื่องหิน 38 ล้าน เป็นหินแกรดิตดำชนิดพิเศษ ที่ต้องนำเข้ามาแล้วนำมาเลเซอร์ ซึ่งมันต้องใช้เวลา เคยส่งรูปให้เขาดูเมื่อนานมาแล้ว


ส่วนที่ดินแซกี ที่ชลบุรี เป็นที่ดินที่ไปขอแบ่งมาจากคนที่ซื้อที่ดินเจ้าอื่น เหมือนเราไปรวมเงินช่วยเขาซื้อมา โดยพื้นที่ที่ได้มา ประมาณ 1 ไร่ แต่หากเขาไม่ประสงค์จะรับแล้ว ก็จะคืนเงินให้  เมื่อถามว่าสิงห์และกิเลน ที่ผู้เสียหายทุกคนเขาโอนเงินไปหมดแล้ว ตอนนี้สิงห์ที่ว่านี้อยู่ไหน มีหรือยัง ทำหรือยัง ในตอนแรก อาจารย์บอกว่า ต้องใช้เวลาในการแกะสลักนานหลายเดือน เวลาที่เก็บเงิน คนที่พร้อมก็เก็บเงินเต็มจำนวน ใครไม่พร้อมก็เก็บแค่มัดจำ แต่เวลาสั่งต้องสั่งพร้อมกันหลายๆ ตัว ทำให้บางทีต้องรอเวลานาน


ช่วงหนึ่ง หนุ่ม กรรชัย ถามว่า สิงห์กับกิเลนเขาไม่เอา คืนเขามั้ย อ.ธนวันต์ ตอบว่ามันอยู่ในกระบวนการ ผมพูดอย่างนี้แล้วกัน มีลูกค้าหลายคนเหมือนกันที่ขอคืน  ที่ผ่านมาโดยหลักการแล้วเรามีกำหนดระยะเวลาในการคืน ถ้ามีคนรับช่วงต่อได้ เราก็จะทำ แต่ทุกเคสเราคืนหมด ที่ยังไม่ได้ส่งเราคืนหมด แล้วคืนเต็มจำนวนด้วย ไม่เคยหักใครแม้แต่บาทเดียว กล้าพูดในรายการตอนนี้เลย


บางช่วงผู้เสียหาย โต้เถียงกับ อ.ธนวันต์ กลางรายการ โดยหนุ่ม กรรชชัย บอกว่าคุณกวางเขาฟ้อง อ.ธนวันต์ แล้ว 2 ปี ยังไม่ได้เงินคืน อ.ธนวันต์ บอกว่า น่าจะเป็นข้อผิดพลาดนิดนึง เป็นรีสอร์ตที่นครนายกที่ตนเองไปดู ตอนนั้นสิงห์ไม่สามารถจัดส่งได้ เขาเลยขอยกเลิก พร้อมระบุว่า ระบบขนส่งเวลาเขาไป เขาไปพร้อมกัน แต่พอไปถึงนครนายกไม่ได้ เขาขอคืนเราก็ทำเรื่องคืนเงินให้เขา แต่อาจทำเรื่องตกหล่นผิดพลาด ผมรับผิดชอบเองซึ่งคุณกวาง โต้ กลับว่า 3-4 รอบที่นัดหนูไป  อ.ธนวันต์ ตอบว่า ตอนนัดแอดมินอาจเป็นคนนัด คุณกวาง สวนกลับอาจารย์นัดเองค่ะ  อ.ธนวันต์  โต้กลับว่าในไลน์ผมมีคนคุยเยอะมาก แต่ผมรับเรื่องแล้ว รับทราบ ผมเจรจาทุกคนอยู่แล้ว แล้วผมไม่เคยหักเงินใครด้วย ถ้าพูดในมุมกว้างๆ การนำเข้ามาแล้ว แล้วมีคนยกเลิก ผมก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเลย


หนุ่ม กรรชัย ตามถึงกรณีคุณอ้อ อ.ธนวันต์ บอกว่าคุณอ้อ ชุมพร มีเรื่องราวอยู่ในระบบนิดนึง ก็เลยยังคืนเขาไม่ได้ แต่ก็รับปากว่าภายในเดือนนี้จะคืนเขาครบอยู่แล้ว คืนเต็มจำนวนทุกเคสอยู่แล้ว


หนุ่ม กรรชัย ถามถึงกรณีคุณซินดี้  อ.ธนวันต์ บอกว่า มันอยู่ในกระบวนการ  เมื่อถามว่า กระบวนการอะไร?  อ.ธนวันต์  บอกว่าเขาฟ้องผมกันอยู่ ณ วันที่เขาแถลงข่าว ถ้าผมไม่มีเจตนาใช้หนี้ ผมจะไปทำแคชเชียร์เช็คให้เขาทำไมตั้งล้านกว่า คุณซินดี้ ขอแย้ง คนที่ประสานไปคือทนายความแล้วไปส่งเอกสารตรงไหนยังไงไม่ทราบ ถ้าเจตนาจะใช้คืนจริงๆ โอนเงินมาก็จบแล้ว อ.ธนวันต์ บอกว่า หลักฐานต้องมีไง เราทำแคชเชียร์เช็คไปให้พี่มารับโรงพัก ต้องมีคนลงบันทึกประจำวัน คุณซินดี้  ตอบว่าอาจารย์เป็นหนี้ 3-4 ล้าน อยู่ดีๆ มาสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็ค 1.7 ล้าน โดยไม่ฟังอะไรเลย ไม่เจรจาใดๆ เลย แล้วอยู่ๆ ให้ไปรับเงินที่สถานีตำรวจ


จากนั้น อ.ธนวันต์ ถามถึงเรื่องค่าตัวสิ่งต่างๆ ที่คุณซินดี้ไม่ได้จ่าย ผมไม่ต้องหักเหรอ ค่ามัดจำช่องผมไม่ต้องหักเหรอครับ มุมผม ผมเคยส่งรายละเอียดให้พี่ซินดี้ไปแล้ว หักลบกลบหนี้ยังไง เหลือยอดเท่าไหร่ให้ส่งมาให้ผม ระยะเวลา 1 เดือนก็แล้ว 2 เดือนก็แล้ว ทนายตามแล้ว พี่ซินดี้ไม่ส่ง จนสุดท้ายไปฟ้องผม แถลงข่าว ผมก็เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าพี่ไม่คิด เดี๋ยวผมคิดหักลบกลบหนี้เองว่าเหลือเท่าไหร่ ผมก็คิดกันมา แต่โอเคอาจเหลื่อมล้ำไปหนึ่งเดือนไม่ได้คิดเพิ่ม อาจมียอดเพิ่ม แต่ผมคิดได้ 1.7 ล้าน ถ้าพูดง่ายๆ 1.7 ล้านมารับไปก่อน ขาดเหลือยังไงมาคุยกัน ถูกมั้ย


คุณซินดี้ บอกว่าขอพูดทีละประเด็น ที่บอกว่ามีเรื่องหักลบในเรื่องค่าตัวอาจารย์ พี่ซินดี้แจ้งอาจารย์ไปสองครั้ง บาทนึงก็ไม่ได้หัก มีในแชตไลน์ที่ตามอาจารย์ให้มารับเงิน อย่าใช้คำว่าพี่ไม่ได้จ่าย พี่พร้อมจ่ายเสมอ อ.ธนวันต์ ตอบว่าผมให้พี่คิดมาว่าทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วเรามาคุยกัน  คุณซินดี้ บอกว่า ไม่ได้รับโนติสจากทนายพี่เหรอ ถ้าอาจารย์พูดกับพี่เหมือนที่พูดเมื่อวานว่าเป็นพี่น้องกัน แล้วเราพร้อมเคลียร์กัน ไม่น่ามีถ้อยคำแบบนี้มาคุยในรายการแบบนี้ แล้วที่อาจารย์ไม่ชำระหนี้พี่ตั้งแต่ มี.ค. ต้องการให้พี่หักภาษีที่จ่ายคืน

ขณะที่ผู้เสียหาย มีแชตนำมาโชว์ว่า อาจารย์พูดว่า ถ้าโอนปุ๊บ จะส่งให้เย็นนี้เลย มีการส่งรูปเป็นรูปรถขนส่งมาให้ดูด้วย แต่พอโอนไปแล้ว กลับไม่ได้สิงห์สักที ผ่านมานานหลายเดือนแล้ว  เมื่อถามเรื่องนี้ อาจารย์บอกว่า รูปที่ส่งเป็นรูปรถบรรทุกที่จีน ที่บอกว่าจะส่งก็คือส่งจากโรงงานที่แกะสลักไปส่งขึ้นเรือชิปปิงมาที่เมืองไทย เมื่อฟังคำตอบมาแบบนี้ หนุ่ม กรรชัย ถึงกับถามว่า ถ้าขอส่งทีมงานไปตรวจสอบที่เมืองจีนได้ไหม ว่ามีสิงห์จริงเปล่า จะออกค่าตั๋วเครื่องบินเอง ทำให้อาจารย์ถึงกับบอกว่า มันเป็นขั้นตอนของบริษัท จะให้เข้าไปดูคงไม่ได้ แต่ส่งรูปให้ดูได้


แต่อีกหลายประเด็นที่ถาม ทั้งเรื่องค่าภาษีศุลกากร บิลต่างๆ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน อาจารย์บอกว่า บางอย่างก็ไม่มี เป็นสัญญาปากเปล่า ส่วนหลักฐานใบเสร็จต่างๆ ก็จะขอไปรวบรวมนำมาแสดงภายหลัง


เมื่อพูดมาถึงตรงนี้หนุ่ม กรรชัย บอกว่าสิ่งที่อาจารย์อ้างไปเรื่อย โดยไม่มีหลักฐาน มันเป็นเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้หมด และที่สำคัญคือตนเพิ่งได้รับสายจาก บิ๊กอ้อ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. บอกว่าจะส่งเรื่องนี้ไปที่สอบสวนกลาง ทำคดีนี้ทันที ต้องขอเตือนอาจารย์ว่ามันจะเป็นกรณีซ้ำรอยแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ ขอให้เอาข้อเท็จจริงมาพูดกันดีกว่า อาจารย์ก็บอกว่าเรื่องนี้เข้าใจดี และพร้อมจะให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย อะไรที่ต้องคืนเงิน ต้องเยียวยาที่สัญญาว่าจะคืนเงินทุกคน ก็จะคืนจริงๆ โดยผู้เสียหายแต่ละคนที่มีการนัดหมายไว้ ก็จะคืนตามที่นัดหมายไว้ทุกคน


หนุ่ม กรรชัย ถามว่าอาจารย์ได้เงินไปเยอะมาก แล้วเงินไปอยู่ที่ไหนหมด ทำไมถึงไม่คืนให้กับคนที่เขาต้องการเงินคืน ทำไมถึงปล่อยให้ผู้เสียหายเยอะมากมายขนาดนี้ อาจารย์มีไปเกี่ยวข้องกับการพนันหรือไม่ ซึ่งอาจารย์ยืนยันว่าไม่มี


สุดท้ายทนายแก้ว ที่มานั่งในรายการโหนกระแสด้วย ชี้ว่าพฤติการณ์ของอาจารย์ ถ้าจะเข้าข่ายความผิดก็คือความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน อาศัยความเบาปัญญาหรือความอ่อนแอแห่งจิตของลูกค้า ในการโน้มน้าวหลอกลวงเขา มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หลอกลวงใคร ก็ต้องรับโทษแต่ละคน แต่ละคน ต้องไปว่ากันในศาล ซึ่งตัวอาจารย์จะชี้แจงอย่างไร อ้างว่าจะคืนเงิน จะเยียวยาก็เป็นสิทธิ์ของอาจารย์ ส่วนหลักฐานที่อ้างว่ามีก็ต้องเอามาแสดงแต่สิ่งที่แน่นอนแล้วก็คือชื่อเสียงที่สะสมมานาน วันนี้มันเสียไปหมดแล้ว เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/7j2MJW4LrVw

คุณอาจสนใจ

Related News