สังคม

รวบ 'ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' คาบ้าน 'พ่อ-พี่สาว' ยันไม่เคยรู้น้องชายสร้างเรื่อง แจงโปรยผงกระดูกผี ไม่มีในศาสตร์

โดย petchpawee_k

12 พ.ย. 2567

401 views

"พ่อ-พี่สาว" หมอดูฮวงจุ้ย ยันโปรยผงกระดูกผี ไม่มีในศาสตร์ตีลี่ฮวงจุ้ย ก่อนไปกองปราบเยี่ยมน้อง “หมอดูตี่ลี่" ยันทำผิดต้องรับผิด

ช่วงเช้าวานนี้ (11 พ.ย.67) อาจารย์นภัสวรรณ จิรเจริญเวศน์  หรือ มาดามฮวงจุ้ย พี่สาวของอาจารย์อ๊อด ธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หรือ ตี่ลี่ฮวงจุ้ย พร้อมอาจารย์จิระ จิรเจริญเวศน์ คุณพ่อ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมีทนายรณณรงค์ แก้วเพชร ในฐานะทนายความส่วนตัวร่วมแถลงด้วย ในช่วงการแถลงข่าว มาดามฮวงจุ้ย ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ช่วงจังหวะที่เชิญคุณพ่อ อาจารย์จิระ มานั่งแถลงด้วย มาดามฮวงจุ้ย ก็ร้องไห้โผกอดคุณพ่อ


อาจารย์จิระ ยืนยันว่า ศาสตร์ตี่ลี่ฮวงจุ้ย ไม่มีเรื่องของการโปรยผงกระดูกผีในการทำพิธี  คาดว่าลูกชายน่าจะไปเรียนเพิ่มจากที่อื่น หลังจากลูกชายตกเป็นข่าว ตนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว มีโรคประจำตัวหลายโรค ร่างกายไม่แข็งแรงอยู่ตน ตอนนี้ยิ่งเครียดและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนโรคประจำตัวทรุดหนัก


ด้านอาจารย์นภัสวรรณ หรือ มาดามฮวงจุ้ย กล่าวทั้งน้ำตาว่า อยากขอโทษและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่คนในครอบครัวทำให้เกิดความเสียหาย ตนและครอบครัวก็ช็อก เหมือนโลกทั้งใบพัง ซึ่งครอบครัวไม่เคยรับรู้ ไม่เคยทราบพฤติกรรมของน้องชายมาก่อนเลย กระทั่งมาเห็นข่าว และพวกตนก็เพิ่งทราบพร้อมกับประชาชนทุกคน  ยืนยันว่า ตนกับคุณพ่อก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการกระทำของน้องชาย  หลังเกิดเรื่อง ตนและคุณพ่อก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ยังใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านตามปกติ  พร้อมยินดีจะให้การให้เป็นประโยชน์ที่สุด ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย


มาดามฮวงจุ้ย ยังพูดถึงที่มาที่ไปศาสตร์ตี่ลี่ฮวงจุ้ยที่ครอบครัวได้รับการถ่ายทอดมา โดยระบุว่า พ่อตนเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่เกิดในครอบครัวยากจนไม่ร่ำรวย พ่อต้องทำงานหนัก หาเงินทุกทางเลี้ยงครอบครัว ทั้งเลี้ยงปลาดุก ทำงานร้านวัสดุก่อสร้าง เป็นกัปตันร้านอาหารจีนเยาวราช ขับรถสาธารณะ เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว โดยประวัติของคุณพ่อได้เขียนไว้ในหนังสือทั้งหมด ไม่เคยปิดบัง


โดยคุณพ่อ ขับรถสาธารณะเป็นหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว กระทั่งเมื่อหลายสิบปีก่อน มีลูกค้าติดต่อให้ไปรับซินแสชาวจีนคนหนึ่งจากสนามบิน ซึ่งพ่อก็รับงาน และตามธรรมเนียมของคนจีน เวลาเจอกันก็จะถามว่านามสกุลอะไร ซึ่งพ่อตอบไปว่า นามสกุล "เซี่ย" ทางซินแสก็บอกว่านามสกุลเดียวกัน  ทำให้หลังจากนั้นซินแสคนนี้ ก็ได้ใช้บริการคุณพ่อตลอดเวลาที่มาดูฮวงจุ้ยให้กับลูกค้า  เวลามาเมืองไทยครั้งหนึ่งก็จะอยู่นาน 3 เดือนตามวีซ่า  และระหว่างที่ไปดูฮวงจุ้ยให้ลูกค้า ก็ได้ถ่ายทอดวิชาตี่ลี่ฮวงจุ้ยให้กับคุณพ่อด้วย คุณพ่อเริ่มมีวิชาการตีลี่ฮวงจุ้ย เป็นรุ่นที่ 14 และตนกับน้องชาย คือ รุ่น 15


กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนชีวิตในยุคที่มีช่อง UBC ซึ่งตอนนั้นตนเรียนจบพอดี ได้มีโอกาสมาทำงานที่ช่อง UBC เป็นเวลา 2 ปี และมีโอกาสได้ทานข้าวกับผู้บริหาร  ทางผู้บริหารได้สอบถามว่า ครอบครัวของตนมีอาชีพอะไร ตนก็บอกว่าพ่อเป็นซินแส  ทางผู้บริหารก็ใช้บริการคุณพ่อ ให้มาดู มาปรับฮวงจุ้ยที่บ้านให้และทักทุกอย่างตรงหมด ทำให้ผู้บริหารเชื่อและให้โอกาส มาออกรายการทีวีในช่อง UBC จากนั้นพ่อก็เริ่มมีชื่อเสียงเรื่อยมา


มาดามฮวงจุ้ย ยืนยันว่า ตนและครอบครัวไม่รู้เห็นกับการกระทำของอาจารย์อ๊อด น้องชาย ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ตนมีปัญหากับน้องชาย และไม่พูดคุยกันมานาน  ต่างคนต่างแยกย้ายไปมีครอบครัว และใช้ศาสตร์วิชาตี่ลี่ฮวงจุ้ยที่ได้จากพ่อในการเลี้ยงชีพ  หลังจากนั้นก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกันอีกเลย  มาดามบอกว่าไม่อยากพูดว่าเราเกลียดกัน ขอพูดว่าวิสัยทัศน์  แผนการทำงาน และความคิดไม่ตรงกัน ด้วยความที่เราเป็นพี่ เราเลี่ยงที่จะปะทะ ลดความขัดแย้ง ไม่พูด ไม่คุย ไม่ร่วมงานกัน ไม่เคยรู้เรื่องของเขาว่าทำอะไร  ไม่เกลียดกันแต่ไม่ยุ่งกัน


มาดามฮวงจุ้ย ยังพูดถึง สิงห์หินอ่อนว่า ของตนก็มีเป็นสิ่งที่นำเข้าจากประเทศจีนจริงๆ มีเอกสารหลักฐานในการนำเข้า เป็นหินแกรนิตเขียวจากจีน ราคาสูงมาก ขนาด 1 ฟุต  อยู่ที่คู่ละ 100,000 กว่าบาท ยืนยันว่า ไม่ได้สั่งจากปากช่อง และตนสั่งเข้ามาทีละหลายตัว เพื่อให้เสียค่าจัดส่งถูกลง และเป็นไปไม่ได้ที่จะเสียภาษีค่านำเข้าเป็นล้าน  พร้อมทั้งสาธิตฉีดน้ำไปที่สิงห์ ซึ่งเป็นหินแกรนิตเขียว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความต่างของสิงห์ตัวเอง เพราะที่แกะสลักในเมืองไทยกับจีนหน้าตาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง


มาดามฮวงจุ้ย ยังชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่มีลูกค้าอ้างว่า เคยจ่ายเงินมัดจำสิงห์ 1 คู่กับตนเมื่อ 2 ปีก่อน เป็นมูลค่า 40,000 บาท แต่กลับไม่ได้รับสินค้าว่า ปกติหากมีลูกค้าสั่งสิงห์ ก็จะเตรียมสินค้าไว้ให้อยู่แล้ว แต่ลูกค้ายังสร้างบ้านไม่เสร็จ จึงไม่กล้าทักไปทวงถาม เกรงว่าจะเป็นการไปเร่งเร้าหรือบีบบังคับขายให้กับลูกค้า ทำได้เพียงแค่รอให้ลูกค้าทักมาแจ้งว่า พร้อมรับสิงห์เข้าบ้านแล้ว ซึ่งลูกค้าทุกคนมีไลน์ส่วนตัวของตนอยู่แล้ว แต่กลับไม่ทักมาทวงถามหรือติดต่อขอเงินคืน


ทนายรณณรงค์ สรุปในตอนเท้ายว่า คนที่กระทำความผิดไม่ใช่พ่อกับพี่สาว เป็นน้องชายที่ถูกควบคุมตัวแล้ว เวลามีเรื่อง มีคนมาทวงของ พ่อต้องรับหน้า แต่สั่งลูกชายไม่ได้


ต่อมา หลังจากแถลงข่าวเสร็จแล้ว มาดามฮวงจุ้ย  พร้อมกับทนายรณณรงค์ เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ข้อมูลกับตำรวจ พร้อมกับเข้าเยี่ยม "หมอดูตี่ลี่"  โดยเปิดเผยว่า เพิ่้งทราบว่าน้องชายโดนจับตอนที่ออกข่าวแล้ว  เพราะตอนเช้าแถลงข่าวอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวไม่เคยรู้ถึงปัญหาของน้องชาย มาทราบในตอนที่เป็นข่าวแล้ว เวลาถามน้องชายก็จะปฏิเสธเสมอ   ตอนนี้สภาพจิตใจของครอบครัวย่ำแย่มาก และอยากขอโทษผู้เสียหาย โดยจะรับผิดชอบด้วยการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงกับตำรวจให้มากที่สุด คนผิดก็ต้องได้รับผิดตามสิ่งที่เขากระทำ


มาดามฮวงจุ้ย บอกด้วยว่า บริษัทของเธอและบริษัทของน้องชาย  เป็นคนละบริษัทกัน  เธอได้รับศาสตร์มาจากคุณพ่อ ก็ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ตามศาสตร์นั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงศาสตร์แม้แต่นิดเดียว ส่วนเรื่องการประกันตัวน้องชาย คาดว่า อาจจะไม่ยื่นประกัน เพราะครอบครัวยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้

-------------------------------------

ผู้เสียหาย ตี่ลี่ฮวงจุ้ย ตามหา “สิงโตคู่”  หลัง อ.อ๊อด ทัก รูปปั้นสิงโตหินทรายเขียวที่บ้าน มีผีสิง ต้องนำไปปลุกเสกและหายไป

วานนี้ 11 พ.ย. 2567 เมื่อช่วงบ่าย มีผู้เสียหายในคดีตี่ลี่ฮวงจุ้ย ชื่อ น.ส.วุ้น อายุ 40 ปี เดินทางจากเขตสายไหมมายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อตั้งใจมาตามหาสิงโตจาก อ.อ๊อด ผู้ต้องหา โดยเธอเล่ากับสื่อมวลชนว่า เธอมีความรู้เรื่องศาสตร์ตี่ลี่ฮวงจุ้ยจากการเป็นลูกศิษย์รุ่นที่ 4 ของ อ.จิระ พ่อ อ.อ๊อด ผู้ต้องหา แต่ต้นปี 2566 ลูกน้องมีความรู้สึกว่าเหมือนมีวิญญาณ ก็เลยนัด อ.อ๊อด มาปรึกษาเรื่องฮวงจุ้ยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 โดย อ.อ๊อด คิดค่าปรึกษาฮวงจุ้ย 35,000 บาท และ อ.อ๊อด ทักว่า หน้าบ้านของตนเองมีรูปปั้นสิงโตหินทรายเขียวคู่หนึ่ง อ้างว่ารูปปั้นสิงโตดังกล่าวมีผีสิง ต้องนำไปปลุกเสก โดยสิงโตคู่นี้เธอสั่งซื้อในไทยมานานแล้วหลายปีแล้วในราคา 35,000 บาท และเป็นสิงโตที่เธอตั้งใจซื้อมาเพื่อประดับหน้าบ้านเสริมฮวงจุ้ย ซึ่ง อ.อ๊อด บอกว่า ควรจะต้องนำกิเลนมาตั้งแทน ซึ่งจะสามารถเสริมฮวงจุ้ยได้และ อ.อ๊อด ก็มีกิเลนจากเมืองจีนสต็อคไว้อยู่แล้ว


เนื่องจากเธอเห็นว่าเป็น อ.อ๊อด และเห็นว่ากิเลนต้องสั่งซื้อจากเมืองจีน เพราะต้องใช้หินแกรนิตจากประเทศจีน ซึ่งกิเลนที่ อ.อ๊อด มีนั้น ตรงสเปคและถูกหลักฮวงจุ้ย ในวันนั้นเธอเลยตกลงให้ลูกน้องของ อ.อ๊อด มาขนเอาสิงโตของเธอไปปลุกเสกตามที่กล่าวอ้างและสั่งซื้อกิเลน 1 คู่จากอาจารย์อ๊อดในราคา 400,000 บาท ซึ่งเธอได้กิเลนจริง ๆ ในวันเดียวกัน เมื่อกิเลนวางหน้าบ้าน เธอก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอดีขึ้นมาจริง ๆ ตามที่ได้รับคำแนะนำ


แต่ปัญหาก็คือ รูปปั้นสิงโตที่เธอซื้อมา ซึ่ง อ.อ๊อด ได้ขนไปตั้งแต่ปี 2566 อ้างว่าไปปลุกเสกนั้นหายไปไหน จากการติดตามล่าสุดทราบว่า สิงโตยังอยู่ในโกดัง แต่ตอนนี้สิงโตคู่ดังกล่าวหายไปแล้ว เธอจึงไม่สบายใจอย่างมาก แล้วเมื่อคดี อ.อ๊อด แดงขึ้นมา เธอจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์กับ อ.อ๊อด โดยที่เธอต้องการมาวันนี้เพื่อที่ต้องการพบ อ.อ๊อด และตามหาว่า "สิงโตของเธออยู่ไหน" เนื่องจากเธอเกรงว่า อ.อ๊อด จะนำสิงโตเธอไปตั้งตากแดดตากลมแล้วก่อให้เกิดความเสียหายได้ และอยากฝากให้สื่อมวลชนตามหารูปปั้นสิงโตให้เธอด้วย


คุณวุ้นยังบอกอีกว่า รูปปั้นสิงโตของเธอนั้นจะมีผีสิงได้อย่างไร จึงมองว่าน่าจะเป็นข้ออ้างของ อ.อ๊อด มากกว่า รวมทั้งมารู้ความจริงภายหลังว่า ที่ลูกน้องรู้สึกว่ามีผีอยู่ในบ้านนั้น แท้จริงแล้วคือเป็นเสียงหนูวิ่งในบ้าน เลยทำให้เข้าใจว่าเป็นผี 


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ErK6vgbeuRA

คุณอาจสนใจ

Related News