สังคม

'ทนายเดชา' ท้า 'ทนายบอสพอล' แจ้งความเตี๊ยมคำให้การ ลั่นฟ้องกลับ แฉเข้าข่ายข่มขู่พยาน

โดย nattachat_c

11 ชั่วโมงที่แล้ว

7 views

'ทนายบอสพอล' เตรียมบุก 'ดีเอสไอ' วันนี้ (1พ.ย.67) ยื่นขอให้สอบปากคำพยานฝั่ง “ดิไอคอน” 2,000 ปาก พร้อมออกหมายเรียกพยานอีก 2 แสนรายให้ปากคำ - ลั่น “แนวทางทำคดี หากทำให้ชนะ ไม่ว่าคนจะมองยังไง ก็มีสิทธิทำ” เผย ทนายแต่ละคนมีกลยุทธ์ต่างกัน - พร้อมจ่อชง 'ดีเอสไอ' ดำเนินคดีพยานเท็จ' ยอมรับ ตกใจหลังพบพยานให้สัมภาษณ์มีการเตี๊ยมบทก่อน


วานนี้ (31 ต.ค. 67) เวลา 14.30 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ 'บอสพอล' ผู้ต้องหาในคดีดิไอคอน ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยม 'บอสพอล' ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ


โดยนายวิฑูรย์ กล่าวว่า บอสพอลปกติและสบายดี ซึ่งตนได้พูดคุยกับบอสพอลและทีมทนายความในคดี เกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้คดีของผู้ต้องหา ซึ่งรายละเอียดการพูดคุยเป็นความลับ


ส่วนประเด็นหลัก ที่ได้รับมอบหมายจาก 'บอสพอล' และจะต้องทำอย่างเร่งด่วน คือวันนี้ (1 พ.ย. 67) เวลา 14.00 น. จะเดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือใน 2 ประเด็น คือ


1. สอบถามเรื่องรายละเอียดการนำพยานฝ่ายตนเองกว่า 2,000 คน เข้าไปให้ปากคำ ว่า จะต้องไปให้ปากคำที่ดีเอสไอ หรือ ปคบ. รวมถึงสอบถามศักยภาพของเจ้าหน้าที่ ว่า ในแต่ละวันจะสอบปากคำพยานได้กี่คน โดยตนเองวางแผนไว้ว่า หากสามารถสอบปากคำได้วันละ 120 คน จะใช้เวลาเพียง 20 วัน ในการสอบปากคำ เสร็จทันส่งสำนวน แต่หากรับได้ไม่ถึงจำนวนที่วางไว้ ก็จะใช้เวลาในการสอบปากคำนานขึ้น และจะขอให้ดีเอสไอออกหมายเรียกให้สมาชิก 'ดิไอคอนกรุ๊ป' ที่ไม่ยอมเข้ามาแจ้งความกว่า 200,000 คน เข้ามาให้ปากคำด้วย ซึ่งหากมีหมายเรียกก็ต้องเข้ามาให้ปากคำ


2. จะขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินคดีกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อต่อเพจสายไหมต้องรอด และพยานที่นายเอกภพพามา กรณีที่นำพยานเท็จเข้ามาพบตำรวจ และอ้างว่าดีเอสไอเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เรียกรับเงินจาก 'ดิไอคอนกรุ๊ป' ทำให้ดีเอสไอได้รับความเสียหาย ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินคดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา


พร้อมยอมรับว่า จากที่ตัวเองได้ฟังเสียงของพยานคนดังกล่าวที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่ง รู้สึกตกใจมากที่มีการนัดแนะเตี๊ยมคำให้การกับพยาน โดยตนเองไม่เข้าใจว่าทำไมนายเอกภพถึงทำแบบนั้น ทำให้จากที่คดีดิไอคอนควรจะเป็นคดีความปกติ กลับเป็นภาพคดีการจ่ายสินบน โดยเบื้องต้น ตนเองก็เตรียมจะให้ทนายอีกชุดไปแจ้งความเอาผิดนายเอกภพ และพยานคนดังกล่าว ในข้อหาหมิ่นประมาท ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง


นายวิฑูรย์ ยังยืนยันว่า การออกมาบอกว่าจะแจ้งความกลับแก่ใครบ้างนั้น ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายปกติ โดยตนเองทำงานอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ได้ทำงานตามกระแสสังคม ทุกอย่างเป็นการชี้แจงในคดี


แนวทางการทำคดีของผม ถ้าผมจะเอากระแสสังคม แล้วคดีผมแพ้ก็ไม่เอา ถ้าผมทำให้คดีชนะ ไม่ว่าคนจะมองผมยังไงก็ตาม ผมก็มองว่าผมก็มีสิทธิที่จะทำ ผมไม่ได้ใช้วิธีการใต้ดินวิ่งเต้น เพราะทนายแต่ละคนก็มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป


เมื่อถามว่าหมายถึงจะเป็นนักรบที่ไม่เลือกวิธีการต่อสู้ใช่หรือไม่ ทนายความตอบทันทีว่า ”ใช่ครับๆ“ แต่ตนคงตอบไม่ได้ว่าจะชนะคดีหรือไม่ เพราะเป็นมรรยาทของทนาย ไม่สามารถคอนเฟิร์มผลคดีได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด


ในวันเดียวกัน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยในรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในประเด็นต่าง ๆ 


การที่ ทนายบอสพอล ระบุว่า มีทีมทนายเตี๊ยมคำให้การของผู้เสียหายในคดีดิไอคอนกรุ๊ป โดยเอกสารดังกล่าวมีหัวหนังสือ 'เครือข่ายทนายคลายทุกข์' ว่า ท้าทนายบอสพอล ถ้าแน่จริงให้แจ้งความเลย แล้วตนจะฟ้องกลับทันที อย่าตีหัวเข้าบ้าน หากเห็นว่าตนมีพฤติกรรมให้พยานให้การเท็จ ก็ต้องแจ้งความจับตนวันนี้ 


ตอนนี้ ทนายออกมาขู่ทุกวัน จนผู้เสียหายกลัวกันหมดเลย แล้วคลิปนี้เป็นการยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน มาบอกได้ไง บอส 15 คน วางแผนในเรือนจำ บอกว่า รอให้เป็น คือการเตรียมเช็กบิลตำรวจ


นายเดชากล่าวว่า คำร้องทุกข์ดังกล่าวทำขึ้นจริง แต่ทำให้ลูกความเพียงคนเดียวลงชื่อในวันแถลงเปิดคดี เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม แต่เอาไปบิดเบือนว่าเอาแพตเทิร์นนี้ไปลงกลุ่มไลน์ บอกว่าให้ทุกคนให้การแบบเดียวกัน ซึ่งไม่ได้ทำ ขอให้ไปแจ้งเลย จะได้ฟ้องกลับ ทำคำฟ้องไว้เสร็จแล้ว เพราะตนไม่เคยทำ ไม่เคยไปพิมพ์ในกลุ่มไลน์ หรือให้ใครให้การแบบใด 


บอกทนายอ๋อง ไปแจ้งจับวันนี้ ไม่ใช่ตีหัวเข้าบ้าน เอาหัวกระดาษสำนักงานผมไปใช้ ถ้ามีหลักฐานอะไรก็เปิดเผยมา อย่ามาเล่นกับสื่ออย่างเดียว ระวังกระแสตีกลับ ตอนนี้คนเขากลัวกันว่าคดีจะล้ม ผู้ต้องหาจะกลายเป็นพระเอก แต่ผมยืนยันอยู่เคียงข้างผู้เสียหาย ไม่ว่าจะถูกถอดใบอนุญาตทนายความหรือไม่ คลิปเสียงที่เอาออกมา ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำกันมาหรือเปล่า ก็ต้องเอามาแถลงให้ชัด


นายเดชา ยังได้กล่าวว่า ต้องระวังเรื่องการยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ข่มขู่ ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหนี นี่ก็เอาหลักฐานไปให้ตำรวจหมดแล้ว เตือนต้องระวังนะ สัมภาษณ์มาก ๆ ก็เหมือนข่มขู่พยาน ต้องถาม รมว.ยุติธรรม ว่า ปล่อยให้ทนายความออกมาข่มขู่พยานรายวันได้อย่างไร


ส่วนกรณี ที่ทนายความของบอสพอล ออกมาระบุ จะดำเนินคดีกับกลุ่มแม่ข่ายที่มีการแจ้งรายชื่อมา เรื่องนี้ทนายเดชากล่าวในฐานะที่ตนมีส่วนช่วยเรื่องกฎหมายกับผู้เสียหายอยู่ ตนมองว่า สิ่งที่พูดเป็นการบิดเบือนสามารถเข้าไปสอบถามกับพนักงานสอบสวนได้ ส่วนที่บอกว่ามีคลิปเสียงพูดคุยกันอันนั้นก็เป็นพยานหลักฐานเท็จ ไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตน อยู่ ๆ ก็เอาเอกสารตนไปใช้ได้อย่างไร จึงอยากให้ทนายของบอสพอลเอาคลิปเสียงมาพูดคุยกันต่อหน้าเลยว่า ใช่เสียงของทนายเดชาไปพูดคุยและให้ผู้เสียหายพูดจาให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ตนเชื่อว่าบุคคลในคลิป และ ผู้เสียหายที่ถูกอ้างถึงไม่มีตัวตนจริงเป็นข้อมูลเท็จทั้งหมด


ทั้งนี้ นายวิฑูรย์ ยังยืนยันว่า การออกมาบอกว่าจะแจ้งความกลับกับใครบ้างนั้น ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายปกติ โดยตนเองทำงานอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ได้ทำงานตามกระแสสังคม ทุกอย่างเป็นการชี้แจงในคดี



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Cf_WbWS0bpg

คุณอาจสนใจ

Related News