สังคม

พ่อเลี้ยงเดี่ยวโวย ลูกวัย 6 ขวบ ถูกน้ำร้อนหกใส่ขาเป็นแผลพุพอง ครูไม่พาไปรพ. คิดว่าเจ็บไม่เยอะ

โดย nutda_t

16 ต.ค. 2567

892 views

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อของเด็กหญิง วัย 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งสังกัดเทศบาลนครตรัง โพสต์ร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกถูกน้ำร้อนจากถ้วยต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลวกบริเวณขาและเท้าด้านซ้าย จนเป็นแผลพุพอง มีตุ่มน้ำขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในโรงเรียน เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ (15 ต.ค.)

ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ นายพงษ์นรินทร์ อายุ 36 ปี อาชีพช่างไฟฟ้า ชาว ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ซึ่งเฝ้าลูกอยู่ที่ รพ.ศูนย์ตรัง เล่าว่า ตนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีลูกสาว 2 คน คนที่บาดเจ็บเป็นลูกคนเล็ก โดยวันดังกล่าวเป็นวันสอบวันสุดท้าย เมื่อช่วงเที่ยงขณะทำงานอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 5-6 กม. ได้รับสายจากทางโรงเรียนแจ้งว่า ลูกสาวโดนน้ำร้อนลวก ตนคิดว่าคงเล็กน้อย ลูกคงไม่เป็นอะไรมาก จึงลางานกะทันหัน รีบขับรถจักรยานยนต์ฝ่าฝนไปหาลูกทันที

เมื่อไปถึง เห็นว่าลูกนั่งอยู่บนเก้าอี้ และขาพาดกับเก้าอี้อีกตัว ในสภาพเจ็บปวด ร้องไห้อยู่ใต้อาคารเรียน มีแผลพุพองเต็มเท้า และมีตุ่มน้ำขึ้น ซึ่งขณะนั้นไม่เห็นว่าจะมีคุณครูท่านใดอยู่กับลูกเลย มีเพียงแค่เด็กนักเรียน และเพื่อนๆนั่งล้อมลูกอยู่เท่านั้น ตนจึงได้ให้ลูกสาวคนโตซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน พาน้องขึ้นไปพบคุณครูประจำชั้นที่บนอาคารเรียน พบเห็นว่าครูกำลังถ่ายภาพอยู่กับเด็กนักเรียน ตนจึงรีบสอบถาม ครูบอกว่า เหตุเกิดช่วงพักเที่ยง เพราะเพื่อนของลูกไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีแม่ค้ามาขายในโรงเรียน แต่ปรากฏว่าถ้วยน้ำร้อนตกใส่เท้าลูก โดยหลังเกิดเหตุ ครูยังให้ลูกสาวขึ้นไปสอบต่อบนห้องเรียน ทั้งๆที่เจ็บอยู่

ตนถามครูกลับทันทีว่า ทำไมครูถึงไม่ส่งลูกไปโรงพยาบาล หรือเรียกรถพยาบาล 1669 มารับไปส่งก่อน ซึ่งครูก็บอกว่า ตอนนั้นคิดว่าลูกคงจะเจ็บไม่เยอะ เพราะช่วงแรกแผลยังไม่พุพอง จึงได้ประสานผู้ปกครองมารับไปส่งโรงพยาบาลเอง ซึ่งเมื่อตนมาถึงเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก และขับจักรยานยนต์มา จึงพาลูกไปโรงพยาบาลเองไม่ได้ ตนโทรหาเพื่อนที่มีรถยนต์กระบะให้ช่วยมารับลูกส่งโรงพยาบาล

หลังจากนำลูกมาถึงโรงพยาบาล ตนก็โพสต์ลงเฟซบุ๊กเพื่อทวงถามหาความรับผิดชอบ และต้องการความเป็นธรรมว่าทำไมโรงเรียนหรือครู ไม่รีบนำลูกตนส่งโรงพยาบาลทันที ต่อมาน้องสาวตน ซึ่งเป็นอาของลูกได้โพสต์เฟซบุ๊กซ้ำไปอีกโพสต์ จนมีคนแชร์และวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก หลังจากนั้นช่วงเย็นปรากฏว่าครูประจำชั้น ได้เข้ามาหาตนถึงที่โรงพยาบาล และบอกว่าครูรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าลูกคงจะไม่เป็นอะไรเยอะ และที่ทราบจากลูก ลูกบอกว่าหลังจากถูกลวก มีรุ่นพี่นักเรียนเข้ามาช่วยทายาเบตาดีนให้ และคุณครูก็เข้ามาทาเบตาดีนให้ซ้ำอีกรอบ

ความประสงค์ของตนอยากให้ทางโรงเรียนออกมาแถลงขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการกระทำแบบนั้นไม่ถูกต้อง ต้องดูแลเด็กนักเรียนให้ดีกว่านี้ มีความรับผิดชอบที่ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะหนักหรือเบา ก็ควรจะนำลูกส่งโรงพยาบาลทันที ไม่ใช่ต้องให้มานั่งรอผู้ปกครองมารับไป หากผู้ปกครองยุ่งงานไม่ได้รับสายมือถือแล้วลูกไม่นั่งรอจนถึงเลิกเรียนหรือ เมื่อลูกไปโรงเรียนก็ถือว่าเป็นลูกหรือผู้ปกครองของครูอีกคนหนึ่งแล้ว เพราะผู้ปกครองมั่นใจแล้วว่าครูต้องดูแลได้ ต้องช่วยกันดูแลไม่ใช่เล็กๆน้อยๆแล้วปล่อยผ่าน ทุกอย่างสำคัญหมด ฐานะคนเป็นพ่อเมื่อไปเห็นสภาพลูกสาวที่นั่งเจ็บปวดและนั่งร้องไห้ ตนเสียใจ รับไม่ได้

ตอนนี้ทางโรงเรียนต้องนำตัวลูกไปรักษากับแพทย์เฉพาะทาง และนอนรักษาที่โรงพยาบาลไปก่อน เพราะกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ เนื่องจากแผลอยู่ในระดับ 2 ถูกลวกผ่านชั้นผิวหนังไปถึงชั้นเนื้อ ซึ่งลูกก็ยังคงนอนร้องไห้อยู่ เพราะเจ็บปวด ส่วนทางครูประจำชั้น ได้ขึ้นมาพบที่โรงพยาบาล บอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าอาจจะไม่เจ็บเยอะ พร้อมเอาเงินส่วนตัวจำนวน 1,000 บาท ให้ก่อนเบื้องต้น และพูดฝากมากับคนรู้จักว่า ให้ตนลบโพสต์เฟซบุ๊กออก เพราะมีคนโทรไปสอบถามถึงเรื่องนี้กับทางโรงเรียนเยอะ

ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถาม นายกำธร ไตรบุญ ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า ตนฝากขอโทษไปยังผู้ปกครอง เพราะเป็นความผิดพลาด ตอนนี้ตนอบรมอยู่ที่ จ.นครนายก ซึ่งมีรอง ผอ.รักษาการแทนอยู่ เหตุการณ์ตอนแรกครูเห็นว่าแผลยังไม่ผุพอง จึงได้นำเด็กไปทำแผลที่ห้องพยาบาล โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ทายาเบตาดีนให้เด็ก ปรากฏว่าทำให้แผลร้อน ตนจึงถามครูประจำชั้นว่าทำไมถึงไม่แจ้งไม่รายงานตนมาทันที ครูประจำชั้นบอกว่ายังไม่เห็นว่าจะเป็นแผลพุพอง ก็เลยไม่ได้นำไปส่งโรงพยาบาล เพียงแค่โทรหาผู้ปกครอง อีกอย่างครูบอกว่ายังเหลือสอบอีกวิชาเดียว จึงได้ให้นักเรียนขึ้นไปสอบก่อนให้เสร็จ ส่วนสาเหตุเพราะว่าช่วงเที่ยงวัน เพื่อนของเด็กที่บาดเจ็บชวนไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และใช้น้ำร้อน ที่มีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายในโรงเรียน แต่ปรากฏว่าน้ำร้อนได้หกมาลวก ซึ่งตนสั่งห้ามตลอดว่าห้ามพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายในโรงเรียน เพราะเด็กจะต้องได้กินข้าวให้เรียบร้อย แต่วันนี้เป็นวันสอบ ก็ไม่รู้ว่าแม่ค้าแอบมาขายได้อย่างไร

ที่ผ่านมา ตนกำชับมาตลอดว่าอะไรที่เกิดขึ้นในโรงเรียนต้องรายงาน แจ้งผู้ปกครอง และต้องนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วนทุกกรณี เพราะเราไม่ใช่แพทย์ หลังจากนี้ต้องนัดคุยหาทางออกกับผู้ปกครอง ซึ่งตนกลับไปโรงเรียนวันที่ 17-18 ต.ค.นี้ ตอนนี้ก็ได้ให้ทางรอง ผอ.เข้ามาดูแลอยู่ที่โรงพยาบาล ประสานแพทย์ที่ดีที่สุดมารักษานักเรียน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  น้ำร้อนลวก

คุณอาจสนใจ

Related News