สังคม

'ดิไอคอน' รันทุกวงการ มีหมด 'อัยการ-ตำรวจ-ทหาร' เป็นโค้ช-ดีลเลอร์ เรียกชี้แจงแล้ว

โดย nattachat_c

15 ต.ค. 2567

58 views

จากกรณี บริษัท The iCon Group ได้ทำธุรกิจที่อาจเข้าข่าย 'แชร์ลูกโซ่' โดยมีดารานักแสดงดังหลายคนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยบางคนมีคำว่า 'บอส' นำหน้าด้วย เช่น บอสกันต์ บอสมิน บอสแซม โดยมี 'บอสพอล' เป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่จับตามองของประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากตอนนี้ มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนแล้วมากกว่า 740 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 266 ล้านบาท


นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย (สคช.) เปิดเผยกรณีที่มีข่าวคู่สามี-ภรรยา ซึ่งภรรยาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สามีเป็นพนักงานอัยการ เข้าไปเกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่นั้น ว่า จากการตรวจสอบจากคลิป พบว่า ชายดังกล่าวเป็นพนักงานอัยการจริง ปฎิบัติหน้าที่เป็นรองอัยการฯ ในจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งตนจะรายงานอัยการสูงสุด (อสส.) ขณะนี้ ตนยังไม่ทราบรายละเอียดพฤติการณ์ ต้องรอสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นทั้งหมด จากข่าวก็อาจเป็นความผิดเข้าข่ายตามประมวลกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน และขัดประมวลจริยธรรมอัยการ


ทั้งนี้ บุคคลจะรับโทษทางอาญา ต้องดูเจตนาซึ่งหากดูจากคลิป จะเห็นว่าพนักงานอัยการคนดังกล่าวยืนข้างภรรยาที่พูดถึงความสำเร็จจากการขายสินค้าของดิไอคอน และเขาก็พยักหน้า จึงต้องตรวจสอบก่อน จึงจะมาพิจารณาว่าเกี่ยวข้องเป็นตัวการ หรือผู้สนับสนุนหรือไม่ และผิดกฎหมายข้อใดหรือไม่ ซึ่งวันนี้ (วันที่ 15 ตุลาคม 2567) จะทำรายงานเสนอ อสส.ส่วนอธิบดีอัยการภาค 4 ก็อาจเรียกพนักงานอัยการคนดังกล่าวมาสอบถาม หรือให้ชี้แจงข้อเท็จจริง


นอกจากอัยการแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับชั้นประทวน ยศ ส.ต.ท. ปฏิบัติงานอยู่ที่ สภ.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสงขลา มีบทบาทถึงขั้นนั่งแท่นโค้ชของบริษัท อีกทั้งได้ทำช่องติ๊กต็อกของตัวเอง โดยมีการโพสต์คลิปที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนชีวิต ซึ่งจะมีการระบุเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นสมาชิกของดิไอคอนกรุ๊ป


วานนี้ (14 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวหลังตรวจสอบข้อมูลของตำรวจนายนี้ว่า ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีตำรวจภูธรที่ไหน จนกระทั่งทราบว่า ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีตำรวจภูธรคลองหอยโข่ง อยู่ฝ่ายธุรการ ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา


โดย พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ รอง ผบช.ภ.9 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ และสอบถาม ส.ต.ท. คนดังกล่าว ทราบว่า ได้ของออนไลน์มาหลายประเภท ซึ่งทราบว่าก่อนหน้าขายครีมมาก่อน และเข้าสู่ธุรกิจขายตรงเมื่อปี 63 และได้เข้ามาเริ่มดูแผนการตลาดของดิไอคอน จนเกิดความสนใจ จึงได้เข้ามาเรียนรู้ และก็สมัครมาเป็นสมาชิก ตั้งแต่ยอดการขาย 2,500 บาท จนถึงตอนนี้ ล่าสุดยอด 250,000 บาท ซึ่งเบื้องต้นที่สอบถาม ส.ต.ท.คนดังกล่าวบอกว่า มีการขายของด้วย หาสมาชิกด้วย ซึ่งสามารถนำสินค้าที่ตนเป็นตัวแทนจำหน่ายไปขายให้สมาชิกได้ด้วย ซึ่ง ส.ต.ท. คนดังกล่าวก็ได้ประชาสัมพันธ์ตัวเองด้วย จึงมีสมาชิกสนใจ และมาสมัครเช่นกัน


ส่วนเมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าธุรกิจดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมาย ส.ต.ท. บอกว่า ไม่ทราบจริง ๆ ว่า มีการหลอกลวง ถ้าทราบ คงจะไม่ทำ เบื้องต้นเจตนาที่จะขายของอย่างเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องฟังผลสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งตอนนี้ เราต้องให้ความเป็นธรรมกับตัวเค้าด้วย ถึงแม้ว่าทางบริษัทใหญ่มีปัญหา


ทั้งนี้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มมีผู้เสียหาย และได้รับผลกระทบจากวงจรขายตรงของบริษัท ดิไอคอน  ทยอยออกมาเปิดเผยความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยพบว่า ในการจัดคอร์สอบรมสัมมนาครั้งใหญ่เกี่ยวกับแผนธุรกิจให้ระดับดีลเลอร์และลูกทีม ที่ จ.สุราษฎร์ธานี มี 'โค้ชเดียว' นายทหารสัญญาบัตรระดับยศนายพัน และอยู่ในระดับแพลตตินั่มของบริษัท เดินทางมาเป็นโค้ชสอนทำแผนธุรกิจในการยิงแอดด้วย


นางจิ๊บ (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวในพื้นที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ตนสนใจสมัครเข้าคอร์สทำธุรกิจออนไลน์ พบว่า บริษัทนี้มีครูสอนทุกอย่าง เช่น สอนทำแอดโฆษณา ซึ่งครู หรือโค้ช จะอ้างว่าได้รางวัลมาเยอะมาก รวมทั้งได้รางวัลของ สคบ.ด้วย  


นอกจากนี้ ยังมีคลิปคนดัง ๆ สอนยิงแอด สอนทำธุรกิจ ออกรายการโทรทัศน์เยอะมาก มีทำบุญการกุศลต่าง ๆ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ  


แต่ที่ทำให้ตนตัดสินใจควักเงินลงทุน เพราะไปเจอคลิปคุณกันต์ ที่พูดถึงธุรกิจนี้ จึงสมัครลงไปก่อน 25,000 บาท ซึ่งแม่ข่ายบอกว่า เลเวลนี้ให้หาลูกทีมก่อน สินค้าที่ได้ไปอย่าเพิ่งขาย ให้ทดลองใช้เองก่อน และจะมีครูพี่เลี้ยงคอยดูแล ตนสมัครเรียนคอร์สเมื่อเดือนมกราคม 2565 พอถึงเดือนมีนาคม 2565 ทางบริษัทก็มีโปรโมชั่นโกโก้ โดยบอกว่าจะได้รับส่วนแบ่งการตลาดกล่องละ 5 บาททุกปี  แล้วก็ชักชวนให้ตนลงทุนเพิ่ม โดยบอกว่า เพื่อส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกได้ ตนจึงยอมจ่ายอีก 250,000 บาท ตอนนั้น คิดมากว่า จะหาเงินจากไหน เลยเอารถไปเข้าไฟแนนซ์ และขยายวงเงินบัตรเครดิต เพื่อกดเงินสดเอาไปจ่าย รวมแล้วหมดไปกว่า 300,000 บาท


ต่อมา ตนมาเช็กสินค้าที่ได้รับ พบว่าคอลลาเจนขึ้นรา พอสอบถามไปที่บริษัท ก็ได้รับคำตอบว่า สินค้ามีส่วนผสมธรรมชาติ ถ้าเก็บไม่ดีหรือขนส่งไม่ดี อาจจะเสียหายได้ ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่ความผิดตน เพราะตอนเปิดบิล ไม่มีใครแจ้งเลยว่า คอลลาเจนต้องอยู่ในอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส  แล้วคนธรรมดาตาสีตาสาที่ไหนจะมารู้ เมื่อตนทักไปหาแม่ทีม ก็ถูกเบรกไม่ให้แจ้งความ จึงไปปรึกษาเพื่อนอีกคน ก็พบว่าสินค้าเสียหายมากเช่นกัน ของขายไม่ได้ จึงอยากได้เงินคืน จึงไปแจ้งความ


แต่หลังจากนั้น ก็ถูกแม่ทีมถีบออกจากกลุ่มไลน์ โดยกลุ่มไลน์ดังกล่าวเป็นห้องสำหรับส่งข้อมูลต่าง ๆ ให้นักเรียนที่เข้าคอร์ส มีโค้ชเดียวเป็นคนสอน และโค้ชเดียวก็เป็นคนลบตนกับลูกทีมคนอื่น ๆ ออกจากห้องไลน์ แถมโค้ชเดียวยังเปลี่ยนชื่อไอดีไลน์ของตัวเอง ก่อนจะลบคนออกจากกลุ่ม เพราะคิดว่าพวกตนจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนลบ  ตนจึงเกิดคำถามว่า ถ้าไม่ผิด จะลบคนออกจากกลุ่มทำไม



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/MDrj9y8n1tk

คุณอาจสนใจ

Related News