ช่วยเด็ก 9 ขวบป่วยสมาธิสั้น แม่ดูแลไม่ได้หนีออกจากบ้านถูกรังแก

21 กันยายน 2567 นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตต์อารีย์รัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่มายังคอนโดมิเนียมย่านบางกะปิ เพื่อรับตัวเด็กชายวัย 9 ขวบ จากพลเมืองดี ที่ได้เข้าช่วยเหลือรับน้องมาดูแลชั่วคราว เนื่องจากน้องเป็นเด็กสมาธิสั้น มีปัญหาครอบครัว แม่ไม่สามารถดูแลได้ น้องมักหนีออกจากบ้าน เดินเร่รอนออกไปนอนตามป้ายรถเมล์และสถานที่อื่นๆ และไม่ได้เรียนหนังสือ โดยเมื่อเดินทางมาถึง พบว่า น้องมีอาการหวาดกลัวคนแปลกหน้า ซึ่งนายกองตรี ดร.ธนกฤต พร้อมด้วยแพทย์และนักสังคมสงเคราะห์ ได้ใช้พูดคุยประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง น้องจึงเริ่มคุ้มเคยและยินยอมให้พาตัวไปเข้ารับการรักษา

นางสาวอาทิตยาพัณณ์ พลเมืองดี เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้เห็นคลิปในติ๊กต็อก ว่ามีคนไปพบน้องเดินเร่ร่อนอยู่คนเดียวย่านบางกะปิ จึงเข้าไปคอมเมนต์ว่าอยากช่วยเหลือ และได้มีพลเมืองดีอีกหลายคนที่เข้ามาช่วยกันหาข้อมูล จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ไปพบกับเจ้าของอะพาร์ตเมนต์ที่แม่ของน้องเช่าพักอาศัยอยู่ ถึงทราบข้อมูลว่าน้องมีภาวะสมาธิสั้น และสภาพความเป็นอยู่ก็ไม่ดีไม่ได้เรียนหนังสือ น้องมักจะหนีออกจากบ้านนั่งรถเมล์ไปไหนมาไหนคนเดียว บางครั้งกลางดึกก็ออกไปเดินคนเดียว ไปตามที่เปลี่ยวอันตราย และถูกวัยรุ่นเจ้าถิ่นรุมทำร้าย เอาปัตตาเลี่ยนมาไถผม เอาปากกาเมจิกมาเขียนตามตัว นอกจากนี้ ที่ร่างกายของน้องยังมีร่องรอยการถูกตี ซึ่งน้องบอกว่าถูกแม่ตีบ้างเวลาที่ดื้อ ตนจึงคิดว่า ปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดี จึงเข้าไปพูดคุยกับแม่ของน้อง เพื่อขอรับน้องมาดูแลก่อน ซึ่งแม่ก็ยินยอม

นางสาวเพ็ญณภา พลเมืองดีอีกคน บอกว่า วันแรกที่พวกตนไปรับตัวน้องมา น้องดูสิ้นหวัง ไม่มีความสุข แต่ผ่านมาถึงวันนี้ น้องอาการดีขึ้นมาก ดูมีความสุขขึ้น กินข้าวได้ และไม่มีความคิดที่อยากจะหนีออกไปข้างนอกคนเดียวอีก จึงคิดว่า อยากให้น้องมีคนมาช่วยเหลือน้อง ให้ได้รับการศึกษาที่ดี ไม่ต้องกลับไปอยู่แบบเดิมอีก

ขณะที่ นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า กรณีนี้ตนได้รับการประสานมาว่า มีพลเมืองดีไปพบเด็กชายอายุประมาณ 9 ขวบ เดินเร่ร่อนอยู่ย่านบางกะปิ และได้ไปทำการช่วยเหลือมา เพราะน้องมีพัฒนาการช้า และแม่ไม่สามารถดูแลได้เต็มที่ เพราะมีลูกอีก 2 คน และก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 4 อยู่ด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า น้องเป็นโรคสมาธิสั้น เคยเข้ารับการรักษามาก่อน หลังจากนี้จะประสานนำตัวไปตรวจร่างกายกับกระทรวงสาธารณสุขและประสานกรมสุขภาพจิตเพื่อตรวจว่าต้องรักษาอย่างไร โดยทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี จะรับน้องไปดูแลก่อน

ต่อมา นายกองตรี ดร.ธนกฤต ได้ลงพื้นที่ไปยังอะพาร์ตเมนต์ ย่านซอยนวมินทร์ 1 เพื่อพูดคุยกับแม่ของน้อง ซึ่งแม่ของเด็กก็ร่ำไห้ บอกว่า ยินยอมที่จะให้พาลูกไปรักษา เพราะตนเองก็อยากให้ลูกได้รักษาต่อ และอยากให้ได้เรียนหนังสือ แต่สภาพความเป็นอยู่ก็ไม่พร้อม ซึ่งตนเองมีลูก 3 คน และกำลังตั้งครรภ์อีก 1 คน ยืนยันว่าเลี้ยงไหว เพราะพ่อของเด็กและแม่ของตนยังช่วยกันส่งเสียเลี้ยงดู แต่ด้วยความที่น้องเป็นโรคสมาธิสั้น และห้องที่เช่าพักอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีรั้วรอบของชิด เวลาแม่หลับ น้องจึงชอบหนีออกไปตอนกลางคืน ตนเองก็เป็นห่วงความปลอดภัย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะพาตัวของน้องไปตรวจร่างกาย และส่งรักษาที่สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต