สังคม

หญิงวัย 61 ปี แทงผัวดับ แค้นถูกทำร้ายร่างกาย หลังเตือนอย่าเสพยา

โดย thanaporn_s

23 ส.ค. 2567

114 views

วันที่ 23 ส.ค. 2567 ร.ต.อ.สกุล เอี่ยมบุญลือ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี รับแจ้งว่ามีเหตุชายสูงอายุถูกมีดแทงเสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่หมู่ 7 บ้านพุประดู่ ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จึงประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุอยู่บริเวณรั้วไม้รวก ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร พบศพ นายแน้ม อายุ 68 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ สภาพศพมีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่รักแร้ซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี ตรวจสอบพื้นที่ใกล้ พบมีดทำครัวด้ามสีดำปลายแหลมยาวประมาณ 20 ซม.ตกอยู่

จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน รอมอบตัวในที่เกิดเหตุทราบชื่อคือ นางสาวพัชรินทร์ อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของผู้เสียชีวิต โดยนางสาวพัชรินทร์อยู่ในสภาพอิดโรย อ่อนเพลีย หายใจติดขัดเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จึงปฐมพยาบาลให้ออกซิเจน และควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ในสภาพทุลักทุเล

โดยนางสาวพัชรินทร์ อายุ 61 ปี อดีตภรรยา เล่าว่า ตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่ามีอะไรในห้อง ตนกำลังเดินไปทำกับข้าว สงสัยว่าพวกนั้นเข้าไปทำอะไรกันในห้อง 3 คน เลยมองทางหน้าต่าง เห็นว่ากำลังเสพยากัน แล้วอดีตสามีเสพยาเสร็จเปิดประตูออกมา ตนเลยกระชากประตูแล้วอดีตสามีก็มาผลักตนล้มหัวกระแทกพื้นแล้วลงมือทุบตี ตนโมโหเลยไปเอามีดที่ครัวแล้วเดินตามไปแทง ก่อนแทงอดีตสามีพูดด้วยว่า "อย่าเยอะ" เผยว่ารู้สึกผิด แต่เคยบอกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ตอนแรกอดีตสามีก็ไม่ได้เสพยา แต่แอบไปเสพตอนไหนไม่รู้ ห้องแถวนั้นเล่นยากันหมด อยู่ด้วยกันมา 20 ปี ไม่มีลูก ตนป่วยเป็นความดัน ไขมัน เบาหวาน หอบหืด มะเร็งปวด ล่าสุดเพิ่งทำคีโมไป 3 ครั้ง แรกๆคบกันก็ขยันดี เพิ่งจะมีเสียหลังๆ ตนไม่มีแรงไปคุมมันแล้วตอนนี้ ไม่คิดว่าจะตาย เพราะเห็นมันหลบได้ จากนั้นนางสาวพัชรินทร์ ได้เปิดให้ดูร่องรอยที่โดนทำร้าย มีแผลถลอกที่หัวเข่าซ้าย พร้อมหยิบยารักษาโรคที่ตัวเองป่วยอยู่ให้ดู

จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นางสาวพัชรินทร์ให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือด้วยเหตุใช้อาวุธมีดแทงจริง สาเหตุเพราะโกรธที่ถูกทำร้ายก่อน จึงได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ในระหว่างสอบปากคำอยู่นั้น นางสาวพัชรินทร์ก็มีอาการหายใจไม่ออกจุกแน่นหน้าอก จึงให้มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ นำตัวนางสาวพัชรินทร์ รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพหลพลมหาเสนา พร้อมอายัดตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News