ความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรี สนธิกำลังหลายหน่วยงาน ทำการจับกุมนายอนุชา อายุ 31 ปี เอเยนต์ค้าเฮโรอีนรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลางเป็นเฮโรอีนจำนวน 8 แผ่น น้ำหนักรวม 2.8 กิโลกรัม ก่อนที่แม่ยายและภรรยาของนายอนุชา จะพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอนำเงินสดจำนวน 2 ล้านบาทมาเคลียร์คดีแลกกับการปล่อยตัวนายอนุชา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนบอกให้แม่ยายพร้อมด้วยภรรยาของนายอนุชาและเพื่อนของภรรยาอีก 1 คน เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนจะตลบหลังจับกุม ทั้ง ภรรยา และแม่ยายของนายอนุชา รวมถึงเพื่อนภรรยาของนายอนุชาที่เดินทางมาด้วยรวม 3 คน ในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าม่วงดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 นาฬิกา วันที่ 23 ธันวาคม 2567 พลตำรวจตรีนครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้เดินทางลงพื้นที่สถานีตำรวจภูธรท่าม่วง เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และชุดสืบสวนตำรวจภูธรท่าม่วง พร้อมสั่งการให้เร่งขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้าเฮโรอีนของนายอนุชา ที่คาดว่ายังมีอีกหลายรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายอนุชาและภรรยา รวมถึงของแม่ยายนายอนุชา ว่ามีความเกี่ยวข้องไปยังเพื่อนร่วมขบวนการรายใดบ้างต่อไป
พร้อมกันนี้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี อยากได้กล่าวถึงกรณีที่ญาติของผู้ต้องหา พยายามนำเงินมาติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมว่า ขอฝากไปถึงญาติของผู้ต้องหาทุกราย ที่ถูกจับกุมในคดียาเสพติดและพยายามจะนำเงินมาเคลียร์คดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตำรวจทุกนายไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนในจังหวัดกาญจนบุรี ไม่รับเงินเคลียร์คดีเด็ดขาด หากญาติของผู้ต้องหามีความพยายามจะนำเงินมาเคลียร์คดี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีและกลายเป็นผู้ต้องหาไปด้วย