สังคม

“ทนายอนันต์ชัย” ยื่นหนังสือร้องเรียนอัยการสูงสุด จัดการ “ลัทธิเชื่อมจิต” พร้อมเปิดหลักฐานเด็ด

โดย gamonthip_s

27 พ.ค. 2567

301 views

นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ยังสำนักงานอับการสูงสุด เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำงานของอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ในกรณีการยื่นคำร้องขอคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก (เด็ก 8 ขวบ ลัทธิเชื่อมจิต )



โดย ทนาย อนันตชัย ระบุว่า การเข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดวันนี้ ทางมูลนิธิฯ ไม่ได้ต้องการจะกล่าวโทษใคร แต่มาเพื่อจะขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังของ อัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก 2546 ตามคำสั่งแต่งตั้ง และที่ผ่านมามีเพียงพม.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้พยายามดำเนินการ และยื่นต่อศาลขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อจะได้เข้าไปนำเด็กออกมาดูแลและคุ้มครอง แต่พบว่าข้อมูลที่ได้รับกลับทีมอัยการจังหวัดให้คำแนะนำด้านข้อกฎหมายกับทีมพม.จ. ต่อมา 20 ธันวาคม 2566 พบว่าศาลมีคำสั่งยกคำร้องไต่สวนฉุกเฉิน จึงมองว่า เพราะไม่มีทีมอัยการที่มีความชำนาญทางด้านข้อกฎหมายเข้าช่วยเหลือ



ส่วนการยื่นหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ทนายอนันต์ชัย บอกว่า มีเพียง 2 ประเด็น คือ ขอให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดมีการตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และขอให้มีการเร่งรัดหรือชี้แจงต่อสังคมว่า หลังจากนี้ทางอัยการจะมีส่วนร่วมดำเนินการทางด้านกฎหมายกรณีเชื่อมจิตอย่างไร



ทนายอนันต์ชัย ยังเปิดเผยข้อมูล ที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ หากข้อมูลที่ได้รับมีการตรวจสอบและเป็นความจริง คือเด็ก 8 ขวบ เชื่อมจิตอาจเข้าข่ายเป็นกลุ่มเด็กพิเศษ ที่มีการป่วยเป็นเด็กออทิสติก ทั้งนี้ตนได้รับข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ทีมสหวิชาชีพลงพื้นที่พบครอบครัวลัทธิจิต พบว่าทางแม่ของเด็ก 8 ขวบถามกับทีมวิชาชีพว่าลูกชาย เข้าข่ายเป็นเด็กออทิสติกหรือไม่ แต่ในวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ให้คำตอบเพราะอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ



ทั้งนี้หากตรวจพิสูจน์แล้วว่า น้องเข้าข่ายเด็กออทิสติก ถือเป็นกลุ่มผู้พิการ ก็จะมีข้อกฎหมายคุ้มครองเพิ่มเติมอีก ดังนั้นหากเรื่องนี้ได้รับการตรวจพิสูจน์ ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่การนำเด็กพิเศษคนหนึ่งมาสอนธรรมะ พร้อมยืนยันทุกเรื่องที่ตนได้พูดไปนั้น มีข้อมูลหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ขอให้สังคมรอการแถลงข่าวใหญ่ได้เลย



ด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน จากทนายมูลนิธิกองทัพธรรม กล่าวชี้แจงใน 3 ประเด็น คือ 1. ประเด็นข้อกฎหมาย 2. ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 3. การกระทำและพฤติกรรมของกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต



โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ต่อการทำหน้าที่อัยการจังกวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า จากคำสั่งที่มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการคุ้มครองสวัสดิการสวัสดิภาพเด็ก พบว่าในขณะนั้นมีการแต่งตั้งอัยการผิดคน โดยผู้ที่มีชื่อแต่งตั้งอยู่ในชุดคณะกรรมการนั้น เป็นอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งควรจะแต่งตั้งอัยการศาลเด็กและเยาวชนแทน



นอกจากนั้นในข้อกฏหมาย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก 2546 มาตรา 17 ที่ระบุว่า ในแต่ละจังหวัดจะมีคณะอนุกรรมการคุ้มครองเด็ก ซึ่งได้กำหนดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น อัยการ ผู้ว่าฯ ซึ่งหลังจากแต่งตั้ง ไม่พบว่าเคยมีการพูดคุยหารือ เรียกประชุมคณะอนุกรรมการชุดนี้เลย พร้อมอธิบายข้อกฏหมาย พระราชบัญญัติศาลและครอบครัว พ.ศ. 2553 ที่ระบุถึงการ ดูแลสวัสดิภาพและการคุ้มครองเด็ก กรณีนี้ระบุว่าพม.จังหวัดสุราษฎร์ธานียื่นเรื่องขอให้ศาลไต่สวนเพื่อคุ้มครอง สวัสดิภาพเด็ก ตามกฎหมายก็ถือว่า สามารถดำเนินการได้ แต่ถ้าหากขอให้สำนักอัยการเข้าช่วยเหลือ เพื่อยื่นเรื่องก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งเคสนี้ไม่ได้ถือว่าหน่วยงานใดมีการละเลยสามารถยื่นเรื่องขอไต่สวนได้ โดยหลังจากนี้หากพม.จังหวัด ประสานมาทางอัยการก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำด้านข้อกฎหมายต่อไป



โฆษกอัยการสูงสุด ย้ำว่า ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ไม่ควรก้าวล่วง ยังต้องรอกระบวนการพิจารณา ส่วนที่มีการยกคำร้องเป็นเรื่องของคำร้องที่ยื่นขอให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองเด็กชั่วคราว ยืนยันว่าทางอัยการยินดีสนับสนุนตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้



สื่อมวลชนได้สอบถาม กรณีถูกสังคมตั้งข้อสังเกตว่า ทีมอัยการพื้นที่สุราษฎร์ธานีเข้ากับลัทธิเชื่อมจิต นายประยุทธ ชี้แจงว่า กระแสที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีการนิ่งนอนใจ ได้สอบถามไปยังในพื้นที่พบว่าไม่ได้มีอัยการคนใดเกี่ยวข้อง ส่วนกระบวนการทำงานเนื่องจากยังไม่ได้รับการประสานจริงจัง ยังไม่สามารถเข้าร่วมดำเนินการได้



หลังการชี้แจง ของสำนักงานอัยการสูงสุด ทนายอนันตชัยได้ กล่าวว่า จากที่ทีมอัยการได้แถลง เราน้อมรับ แต่ยืนยันว่า มีข้อมูลที่ชัดเจน ไม่อยากโต้เถียง ขอให้ประชาชนร่วมกันพิจารณาหลังจากนี้



โดยในวันพรุ่งนี้ทีมทนายกองทัพธรรมได้ให้คำแนะนำกับทาง พม.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินการยกเลิกคำร้อง ที่ยื่นก่อนหน้า และจะยื่นขอไต่สวนฉุกเฉินใหม่ กรณีการคุ้มครองสวัสดิการสวัสดิภาพเด็ก ที่จะให้ยุติการนำเด็ก 8 ขวบ มาเพื่อ การหาเงิน



กรณีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ร้องขอต่อศาลให้ไต่สวนฉุกเฉินขอดูแลคุ้มครองเด็ก 8 ขวบ ร่วมกันกับพ่อแม่เด็กและทีมสหวิชาชีพ ซึ่งศาลได้กำหนดวันให้ไต่สวนปกติ ในวันที่ 17 มิถุนายน เรื่องนี้ คุณวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า หากรอให้ถึงวันที่ 17 มิถุนายน ที่ศาลนัดไต่สวนปกตินั้นจะช้าเกินไป ดังนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าพม.ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้ และต้องการขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่งกรมกิจการเด็กและเยาวชน จะยื่นขอคำร้อง ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินอีกครั้ง เป็นรอบที่ 2 ภายในสัปดาห์นี้ ดังนั้นต้องติดตามว่า ถ้ายื่นครั้งที่ 2 ศาลจะมีคำสั่งมาอย่างไร



ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถาม อธิบดีกรมกิจการเด็กฯ บอกว่า ทางพม.จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเข้ายื่นไต่สวนฉุกเฉิน ในวันพรุ่งนี้



ส่วนที่พ่อแม่น้อง 8 ขวบ ลัทธิเชื่อมจิต จะขอเข้าพบคุณวราวุธ ในวันที่ 4 มิถุนายนนั้น คุณวราวุธ บอกว่า วันนั้นเป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี การประชุมครม.แต่ละนัดจะกำหนดไม่ได้ว่า จะประชุมเสร็จเมื่อไหร่ อีกทั้งยอมรับว่าหากจะพูดคุยกับรัฐมนตรีเรื่องเด็กและจิตวิทยา ก็ไม่มีความรู้เท่ากับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ หรือผู้บริหารกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ขอให้อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นผู้รับเรื่องแทน



พร้อมกันนี้ คุณวราวุธ ยังได้กล่าวถึง พ่อแม่เด็กเชื่อมจิต จะมีการยื่นเรื่องว่า เจ้าหน้าที่ พม.สุราษฎร์ธานี พูดคุยลักษณะข่มขู่เด็ก 8 ขวบ ในวันที่เข้าไปพบที่บ้านเด็กนั้น โดยขอยืนยันว่าได้กำชับเจ้าหน้าที่ พม.ทุกคน ให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับทุกข้ออย่างเคร่งครัด ถ้าพบว่ามีการละเมิดก็จะต้องปฏิบัติการตามกฎหมาย แต่ในทางกลับกัน เจ้าหน้าที่พม.ก็ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นกัน เพราะถ้าไม่ทำ ก็จะถูกกล่าวหาว่า ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจถูกอีกฝั่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับเด็ก 8 ขวบ ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ในมาตรา 157 ว่า ละเลยการปฏิบัติหน้าที่

คุณอาจสนใจ

Related News