พลเมืองดีเข้าช่วย นักเรียนเป่าแคนหาค่าเทอมถูกชายข่มขู่ ไถเงิน

พลเมืองดี เข้าไปช่วยเหลือ เด็กชายซึ่งอยู่ในชุดนักเรียน อายุประมาณ 11 - 12 ปี หลังถูกชายซึ่งใส่เสื้อสีแดง ไถเงินไปประมาณเกือบ 200 บาท โดยเงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่เด็กนักเรียนได้มาจากการเป่าแคน หรือที่เรียกว่า เปิดหมวก หารายได้พิเศษ อยู่บริเวณสะพานลอยหน้าห้างดังกลางกรุง แล้วมีผู้ใจบุญมอบเงินให้ด้วยความเอ็นดู

โดยพลเมืองดี ได้เข้าไปสอบถามชายคนดังกล่าวว่า เอาเงินน้องไปหรือไม่ ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋า หรือตามตัวหรือไม่ ชายคนดังกล่าวปฏิเสธบอก ไม่มี คืนเด็กไปหมดแล้ว จากนั้นพลเมืองดี ถามต่อว่า ทำแบบนี้กับเด็กทำไม ซึ่งคนร้ายไม่ตอบคำถาม ก่อนอาศัยช่วงชุลมุนเดินหนีไป โดยไม่มีการจับกุมตัวส่งตำรวจ

คุณแก้ว หนึ่งในพลเมืองดี และเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิเส้นด้าย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์นี้ เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า วันเกิดเหตุคือเมื่อวานนี้ ตอนประมาณ 2 ทุ่ม โดยระหว่างที่ตนยืนรอรถเพื่อจะกลับบ้าน ได้เห็นคนร้าย เข้าไปคุยกับเด็กนักเรียน จากนั้นเด็กนักเรียนก็ส่งเงินแบงก์ 20 จำนวนหนึ่ง ประมาณ 100 บาท ให้ ซึ่งเมื่อได้เงินแล้วคนร้ายก็เดินหนีไป

เมื่อเข้าไปสอบถามเด็กนักเรียนว่า ทำไมถึงให้เงิน เป็นญาติ หรือเป็นคนในครอบครัวหรือไม่ ซึ่งเด็กนักเรียนตอบว่า ไม่ใช่ คนร้ายพูดข่มขู่ขอยืมเงิน ด้วยความกลัวจึงให้เงินไป หลังได้ยินตนจึงวิ่งตามคนร้าย และตะโกนให้พลเมืองดีช่วยกันจับตัว แต่เด็กนักเรียนไปถึงตัวคนร้ายก่อน และคนร้ายเห็นว่ามีคนไล่ตามจึงยอมคืนเงิน ก่อนวิ่งหนีลงไปทางลานจอดรถของห้าง สุดท้ายไม่รอด ตนกับพลเมืองดี และเด็กนักเรียนตามจับตัวคนร้ายไว้ได้ เมื่อสอบถามถึงเรื่องเงินที่เอาไป คนร้ายพูดน้ำด้วยน้ำเสียงห้วนๆ บอกแค่ขอยืมเฉยๆ และคืนไปหมดแล้ว

หลังเกิดเหตุ ตนได้พยายามคุยกับเด็ก ทราบว่าเดินทางมาจากบ้านพักย่านบางซื่อ เพื่อมาเป่าแคนหาค่าเทอมที่ห้างดังเกือบทุกวัน เพียงคนเดียว เพราะแม่บอกให้มา แต่ตนรู้สึกผิดสังเกต เพราะเมื่อตนให้เด็กโทรศัพท์ไปบอกแม่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เด็กบอกว่า จำเบอร์โทรศัพท์แม่ไม่ได้ แถมพอขอไปส่งที่บ้านก็ปฎิเสธ

ทั้งนี้ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยติดตามเด็กคนนี้ ว่าถูกแม่สั่งให้มาเป่าแคนหาเงิน ถูกคนอื่นบังคับ หรือสมัครใจมาเอง และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คนร้าย ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ถูกจับกุม และอาจจะไปก่อเหตุแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีก

ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถาม โรงเรียนที่ปรากฎชื่อย่อบนเสื้อนักเรียนของเด็กรายนี้ โดยครูที่โรงเรียนบอกว่า เด็กคนนี้อยู่ที่โรงเรียนนี้จริง แต่ได้ลาออกไปตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยทางโรงเรียนได้ทราบเรื่องแล้ว และจะเร่งประสานผู้ปกครองของเด็กเพื่อตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น

ขณะที่ทนายรณณณงค์ แก้วเพ็ชร์ เปิดเผยว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้น หากพบว่า เด็กนักเรียนมาเป่าแคนหาเงิน โดยถูกคนอื่นหรือแม้แต่พ่อแม่พามา และสุดท้ายมีการเอาเงินหรือส่วนแบ่งจากรายได้ตรงนี้ไป ถือว่าเข้าข่ายความผิด พรบ. ค้ามนุษย์ ส่วนคนร้ายที่ข่มขู่ไถเงินนักเรียนรายนี้ แม้จะไม่มีอาวุธ แต่ก็เป็นความผิดอาญาข้อหาชิงทรัพย์