เด็ก ม.2 เกิดอาการเครียด ครูพาทำกิจกรรมโรงเรียนบ่อย จนหัวใจเต้นผิดจังหวะ หามส่งรพ.

ครูโรงเรียนดังพาทำกิจกรรมของโรงเรียนบ่อย เด็ก ม.2 เครียดหนัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ แม่หามส่งรพ.ด่วน

วันที่ 1 มี.ค.67 เวลา 13.00 น.ที่ สภ.บางบัวทอง ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี น.ส.ชุติกาญจน์ อายุ 52 ปี พร้อม ทนาย กฤษณะ เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง จากกรณีโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง ได้ให้น้องแม็คหรือลูกชายอายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนดังกล่าวไปถ่ายรูปและคลิปเป็นพรีเซนเตอร์และได้นำภาพไปติดในป้ายรับสมัครเรียนตามที่ต่างๆ หลายแห่ง ซึ่งแม่มีความกังวลใจในเรื่องของความปลอดภัย รวมไปถึงพาตัวลูกชายไปทำกิจกรรมต่างๆสร้างชื่อให้กับโรงเรียนจนผลการเรียนของเด็กแย่ลง จนเด็กมีความเครียดหนัก ล่าสุดหัวใจเต้นผิดจังหวะจนแม่ต้องหามส่งโรงพยาบาลด่วน.

น.ส.ชุติกาญจน์ หรือแม่ปุ๊ก กล่าวว่า หลังจากที่เข้าไปขอพบกับผอ.โรงเรียน เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีการติดต่อกลับมาหรือชี้แจงตากทางโรงเรียนแต่อย่างใด และตอนนี้ตนเป็นห่วงลูกชายมากเพราะน้องมีภาวะเครียดหนัก และยังต้องไปโรงเรียนเพื่อไปสอบอยู่ในช่วงนี้ และเมื่อวันที่ 28 ก.พ.67 เวลาประมาณ 16.00 น.หลังจากลูกชายกลับจากโรงเรียน น้องก็มีอาการเจ็บบริเวณหน้าอก จึงพาน้องไปตรวจที่รพ.บางบัวทอง ทางรพ.ได้ทำการตรวจคลื่นหัวใจและพบว่าผิดปกติจริง แต่ทางรพ.ไม่มีบุคลากรเฉพาะทาง ตนจึงพาลูกไปตรวจที่ รพ.เจ้าพระยาซึ่งมีหมอเกี่ยวกับหัวใจโดยตรง

ผลการตรวจแพทย์ระบุว่ากล้ามเนื้ออักเสบ แต่ก็แจ้งว่าคลื่นหัวใจมีความผิดปกติจริง มีความเสี่ยงที่จะเกี่ยวกับหัวใจของน้อง จึงขอนัดตรวจใหม่อีกครั้งวันที่ 3 มี.ค.นี้ ซึ่งตัวน้องไม้เคยมีอาการหรือเป็นโรคหัวใจมาก่อน การที่ตนออกมาเรียกร้องแบบนี้ ไม่ได้ต้องการอะไรจากโรงเรียนเพียงแต่ตนอยากให้โรงเรียนเป็นบรรทัดฐานมากกว่าในเรื่องของสถานที่โรงเรียนเป็นสถานที่ให้การศึกษาควรมุ่งเน้นไปทางให้ความรู้ ส่วนกิจกรรมต่างๆก็มีได้แต่ไม่ใช่ให้น้องไปทำแต่กิจกรรมมากเสียจนไม่มีเวลาเรียนจนเกรดการเรียนตกลงมาก และส่งผลให้ตัวน้องมีความเครียดจนป่วยแบบนี้

ทางด้าน ทนาย กฤษณะ กล่าวว่า วันนี้ก็ได้พาคุณแม่มาที่สถานีตำรวจบางบัวทองแล้วก็ได้รับคำตอบจากพนักงานสอบสวนว่าทางโรงเรียนจะขอนัดมาพบในวันที่ 6 มี.ค.67 เพื่อจะได้มาพูดคุยกับทางคุณแม่ว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นเนี่ยมันเป็นยังไงมายังไง

ส่วนตัวก็อยากจะให้มีการใกล่เกลี่ยนกันก่อน แต่ถ้าเกิดว่าความรับผิดชอบของทางโรงเรียนที่เสนอกับคุณแม่หรือว่าจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรถ้าคุณแม่พอใจก็คงจะยุติ แต่ถ้าเกิดว่าคุณแม่ยังไม่พอใจแล้วก็ยังติดใจอะไรอยู่ตรงนี้คุณแม่ก็จะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนทางทางผมเองก็จะดูในเรื่องของพยานหลักฐานต่างๆ และก็อาจจะเข้าไปเป็นส่วนร่วมในคดีนี้ถ้าเกิดว่ามีการสั่งฟ้อง แต่เบื้องต้นตอนนี้ทางเราเองก็อยากจะดูจากทางโรงเรียนด้วยว่าโรงเรียนอาจจะชี้แจงอย่างไรและก็ จะรับผิดชอบอย่างไร