หนุ่มอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเด็กและสตรี ลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี ขืนใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางแคท อายุ 31 ปี พร้อมเด็กหญิงวัย 13 ปี ชาวอุดรธานี ร้องเรียนกับนายภาณุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย และสื่อมวลชนที่จ.อุดรธานี เพื่อความช่วยเหลือกรณี ลูกสาว ถูกหนุ่มรายหนึ่ง วัย 33 ปี อ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านช่วยเหลือเด็กและสตรี ทำงานที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ลวงลูกสาวไปข่มขืนกระทำชำเราถึงบ้านพัก ไปแจ้งความตำรวจสอบปากคำส่งสำนวนถึงอัยการแล้วคดีไม่มีความคืบหน้า จนเวลาผ่านไปเกือบปี เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

แม่ของเด็กผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อเดือน พ.ค. 66 ลูกสาวถูกชายคนดังกล่าวทักมาทางเฟซบุ๊ค เหมือนมาตีสนิทพูดคุยให้ตายใจหว่านล้อมต่างๆ นานา จากนั้นได้ลวงลูกสาวไปบ้านพัก บังคับให้มีอะไรด้วยจนลูกสาวต้องยอม ตนเองโทรไปหาลูกสาวก็รู้ว่าอยู่บ้านผู้ชาย รีบตามไปพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้น มารู้อีกทีว่าเขาทำงานที่ศาลากลาง เป็นหน่วยงานด้านดูแลเด็กและสตรี จึงได้พูดคุยกันและสงสารกลัวจะกระทบหน้าที่การงาน มีการไกล่เกลี่ยและชายคนดังกล่าวยอมจ่าย 70,000 บาท และสัญญาจะไม่ยุ่งกับลูกสาวอีก

แต่พอผ่านมาเดือน มิ.ย. 66 ชายคนดังกล่าวก็ทักมาหาลูกสาว บอกว่า มีใครอยู่บ้านไหม จะเข้าไปหา วันนั้นตนเองไม่อยู่ ออกไปขายของ เขาก็เข้ามาหาลูกสาวที่บ้านและมีอะไรกับลูกสาว ต่อหน้าลูกตนเองอีกคนอายุเพียง 2 ขวบ ตนเองจึงไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าว

โดยตำรวจได้สอบปากคำเก็บพยานหลักฐานและส่งสำนวนไปถึงอัยการแล้ว แจ้ง 4 ข้อหาคือ พรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดา , พาเด็กต่ำกว่า 15 ปีไปเพื่ออนาจาร  , กระทำอนาจาร เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และกระชำทำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเจ้าตัวจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องผ่านไปเกือบจะ 1 ปี คดีไม่มีความคืบหน้า จึงนำเรื่องมาร้องเรียน เนื่องจากเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากชายคนดังกล่าว ขู่ท้าให้แจ้งความดำเนินคดี เพราะไม่กลัว มีญาติเป็นอัยการ

ด้านเด็กผู้เสียหาย บอกว่า รู้จักชายคนดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก เขามาเป็นขอเป็นเพื่อน จากนั้นก็มากดหัวใจแล้วบอกว่าน่ารักจัง พูดคุยกันไม่ถึงอาทิตย์ เขาก็ชวนไปที่บ้าน และขอมีอะไรด้วย ตนกลัวจะถูกทำร้ายจึงต้องยอม หลังเกิดเรื่องขึ้น ตนคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าจะรักเราจริงแน่นอน

ขณะที่ นายภาณุมาศ กล่าวว่า หลังจากนี้ ตนจะประสานกับอัยการจังหวัดอุดรธานี เพื่อนำเรื่องสอบถามความคืบหน้าของคดี เพื่อให้ทางอัยการจังหวัดช่วยเหลือต่อไป แม้คดีนี้ทางผู้ปกครองจะยินยอมเสียค่าปรับไหมชดใช้เป็นเงินต่อกัน แต่คดีที่เกี่ยวกับเด็กแบบนี้ ในทางกฎหมายถือว่าเป็นอาญาแผ่นดินและไม่สามารถยอมความกันได้ ซึ่งวันจันทร์ที่ 25 มี.ค.นี้ ตนจะพาเข้าพบอัยการจังหวัดอุดรธานี เพื่อสอบถามคดีนี้อีกครั้งหนึ่ง