สังคม

เศรษฐีนีเจ้าของโรงหล่อพระ-เลขาสาว ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพัก

โดย gamonthip_s

10 มี.ค. 2567

3.9K views

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 มีนาคม 2567 ร้อยตำรวจโทพิทักษ์ คำนนท์คอม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หัวหิน รับแจ้งเหตุ พบสิ่งผิดปกติภายในบ้าน อาจจะเกิดเหตุร้ายกับหญิงเจ้าของบ้าน หลังรับแจ้งจึงได้ประสานสายตรวจและมูลนิธิสว่างหัวหินธรรมสถาน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมรายงาน พ.ต.อ.กัมปนาท วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ริมถนนคันคลองชลประทาน ใกล้โรงพยาบาลหัวหิน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์



ทั้งนี้ที่เกิดเหตุพบเป็นตึกแถว ขนาด 3 ชั้น ด้านหน้าต่อเติมเป็นห้องกระจก เปิดเป็นร้านจำหน่าย พระพุทธรูป รับหล่อพระ เครื่องสังฆภันฑ์ โต๊ะมุก ผ้าม่าน ของแต่งบ้าน ฯลฯ ซึ่งหน้าบ้านมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ สีดำ ทะเบียนประมูล จอดอยู่ โดยมี นาย เอ (นามสมมุติ) ลูกชายเจ้าของบ้าน รอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ



เบื้องต้นลูกชายได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่สามารถติดต่อ นางพัด (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ได้ ขาดการติดต่อมานานหลายวันจนผิดสังเกต จึงตัดสินใจเดินทางจากบ้านพักที่กทม.พร้อมภรรยา มาตามหาแม่ที่บ้านพัก เพื่อมาดูให้แน่ใจว่าแม่อยู่บ้านหรือไม่ โดยเดินทางมาถึงหัวหินช่วงเช้าพบว่าบ้านพักปิดล็อกประตูไว้ แต่มีเสียงแอร์ทำงาน ประกอบกับรถยนต์ของแม่จอดอยู่หน้าบ้าน พยายามตะโกนเรียกแม่ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจปีนเข้าไปทางหน้าต่างบานเกร็ดหลังบ้าน จากนั้นได้เดินหาแม่ที่ชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องกั้นกระจก 2-3 ห้อง กระทั่งมาถึงห้องกระจกด้านในสุดประตูห้องล็อก แต่มองเห็นร่างคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ ขณะเดียวกันมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยมาเตะจมูกอย่างแรง จึงรีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบทันที



เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ได้พยายามเปิดล็อกประตูห้อง และเมื่อสามารถเปิดห้องเข้าไปได้ พบร่างของนางพัด (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี เศรษฐีนีเจ้าของโรงหล่อพระ จำหน่ายผ้าม่าน วัย 63 ปี นอนอยู่โดยมีผ้าห่มคลุมร่างไว้ ใกล้กันยังพบร่างของนางสุ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเลขาของนางพัด นอนเสียชีวิต สภาพสวมแต่ชุดชั้นใน จากสภาพศพคาดว่าทั้งสองรายจะเสียชีวิตมาหลายชั่วโมงแล้ว จากนั้นตำรวจสภ.หัวหิน ได้แจ้งพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และแพทย์เวรโรงพยาบาลหัวหิน มาตรวจสอบ และเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ



เบื้องต้นตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจพบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. โดยกระสุนเข้าที่ศีรษะ 1 ราย และเข้าที่หน้าอก อีก 1 ราย โดยจะนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลหัวหิน พร้อมเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตทั้งสองราย มาสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อเร่งหาตัวคนร้าย



ด้าน นางสาวบี (นามสมมุติ) ภรรยาของลูกชายนางพัด เล่าว่า ตามปกติแม่จะพักอาศัยอยู่คนเดียว เพราะไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย โดยมีพี่สุ ทำหน้าที่เลขา คอยดูแลช่วยขับรถ พาแม่ไปทำบุญบ้าง ไปช่วยเหลือผู้ยากไร้หรือไปหาญาติที่ต่างจังหวัด หลังจากแม่ย้ายมาอยู่อำเภอหัวหิน สามีซึ่งเป็นลูกชายจะโทรศัพท์และวิดีโอคอลหาแม่เป็นประจำ ซึ่งแม่จะมีนิสัยชอบปิดมือถือหรือติดต่อไม่ได้ เพราะบางครั้งเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ แต่จะโทรศัพท์คุยกับลูกชายโดยตลอด กระทั่งประมาณช่วงวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา แม่บอกว่าจะไปหาคุณยาย ที่จังหวัดชุมพร ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะแม่เดินทางบ่อย แต่มารู้สึกผิดปกติ หลังจากนั้นที่ลูกชายโทรหาแม่ไม่รับสาย ทั้งโทรปกติ และวิดีโอคอล ช่วงแรกคิดว่าแม่อยู่กับคุณยายที่จังหวัดชุมพรจึงไม่อยากรับสาย แต่ปรากฎว่าญาติที่จังหวัดชุมพรแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อแม่ได้ ทั้งที่นัดกันว่าจะมาหาและยังไม่ได้โอนเงินให้กับพยาบาลพิเศษที่ดูแลคุณยาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ทำให้เกิดความสงสัย และสามีรู้สึกร้อนใจมาก จึงได้ตัดสินใจเดินทางมาพร้อมตนในเช้าวันนี้ กระทั่งมาพบความจริงว่าแม่และเลขาเสียชีวิตแล้ว



ทางด้าน พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าในที่เกิดเหตุ พบศพ 2 ศพ เป็นผู้หญิงทั้งคู่ โดยหญิง อายุ 63 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 7 วัน ส่วนอีกรายหญิง อายุ 46 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วันในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน 19 ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นได้ตั้งประเด็นการเกิดเหตุไว้ 2 ประเด็น อย่างแรก เป็นการฆ่าตัวตาย อย่างที่สองเป็นอุบัติเหตุปืนลั่น และมีการฆ่าตัวตาย ซึ่งแพทย์จากโรงพยาบาลหัวหินมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งดูจากสภาพศพคาดว่าถูกยิงคนละ 1 นัด กระสุนในรังเพลิงยังมีอยู่ โดยร่างผู้เสียชีวิตจะส่งตรวจพิสูจน์ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลหัวหิน เพื่อให้ทราบสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง ส่วนอาวุธปืนกล็อค 19 มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานฯ ตรวจพิสูจน์ว่ามี ดีเอ็นเอของใครปรากฎอยู่บนอาวุธปืนบ้าง



เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจแล้วคาดว่าน่าจะเป็นบุคคล 2 คน ที่ทำให้เกิดเหตุฆาตกรรมกันเอง ส่วนสาเหตุการเกิดเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างสอบสวน ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามสำหรับหญิงวัย 46 ปี มีสามีเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งได้เดินทางมาที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดขอตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุณอาจสนใจ

Related News