สาวร้องสื่อโดนคนสติไม่ดีทุบกระจกรถแตก 2 คันรวด วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ไข

สาวร้องสื่อโดนคนสติไม่ดีทุบรถ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาจริงจัง แบบนี้เป็นภัยต่อสังคมแล้ว บางครั้งถึงกับท้าตบกับชาวบ้าน


วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 12.00 น. ที่หน้าวัดโขดทิมธาราม เขตเทศบาลเมืองระยอง น.ส.เบญญาภา เล่าว่าเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ มีลูกค้าโทรนัดให้มาแต่งหน้า เวลา 06.00 น. ตนจอดรถไว้ด้านข้างของร้าน แล้วเข้าไปแต่งหน้าลูกค้า กระทั่งเด็กร้านข้าง ๆ วิ่งมาบอกตนว่ารถของตนโดนทุบ ตนจึงรีบออกมาดู เพราะกลัวว่าเขาจะมาทุบรถลูกค้าสรุปแล้วเป็นรถของตนที่โดนทุบ ขณะนั้นตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูก และเขาก็ทุบรถพี่สาวของตนอีก ซึ่งจอดอยู่ตรงกันข้ามตน เห็นรถโดนทุบก้อนหินใหญ่มากเข้าไปข้างในตัวรถ ตนคิดว่าถ้าหากรถกำลังวิ่งอยู่แล้ว ก้อนใหญ่ขนาดนี้ คนที่นั่งมาข้างหลัง อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตก็ได้


ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบอย่างจริงจัง หากตำรวจจับไปแล้วก็ปล่อยออกมา เนื่องจากเขาเป็นคนสติไม่ดี หน่วยงานรัฐก็ควรเข้ามารับผิดชอบดูแลนำไปบำบัดเพราะหญิงคนนี้ชาวบ้านแถวนี้เห็นและรู้จักดีว่าเขามีอาการกำเริบก็ไม่รู้ว่าช่วงขาดยาหรือเพิ่งเสพยามา

บางครั้งก็เดินโวยวาย ท้าตบกับชาวบ้าน และแถวนี้อยู่ใกล้กับโรงเรียนด้วยตนก็เกรงว่าเขาจะไปทำร้ายเด็ก ๆ หรือเปล่า หากอาการกำเริบขึ้นมา และร้านของตนเป็นร้านกระจกหากเขาเอาหินมาทุบใส่อีก ตนจะทำอย่างไร ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแลคนพวกนี้อย่างจริงจัง


ด้าน น.ส.โชติกา ขณะที่ตนอยู่ภายในร้านกับน้าสาว มีเด็กข้าง ๆ ร้านวิ่งมาบอกว่ารถของน้านุชโดนทุบ
ด้วยความตกใจ ตนจึงรีบวิ่งไปดูตอนแรกคิดว่ารถมาชนท้ายเฉย ๆ แต่เมื่อวิ่งไปแล้วเห็นสาวสติไม่ดีถือก้อนหิน กำลังเดินเข้าไปภายในวัด ตนจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายแต่เห็นแค่ด้านหลัง เขาทุบรถเสร็จแล้ว ก็มาทุบรถคันสีขาว ซึ่งเป็นของแม่ตนด้วย และเดินเข้าไปในวัด ซึ่งตนนั้นไม่รู้ว่าเขาไปทุบรถของใครภายในวัดหรือไม่ เพราะในขณะใช้มือถือถ่ายก็เห็นว่าถือก้อนหินอยู่


ตนนั้นอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลกับคนพวกนี้เพราะจับไปแล้วก็ถูกปล่อยออกมา แล้วแบบนี้ประชาชนจะทำอย่างไรค่าความเสียหายก็ไม่รู้จะไปเก็บกับใครที่ไหน ซึ่งถ้าหากไม่มีประกันหรือไม่มีเงินก็ต้องไปเป็นหนี้ เพื่อที่จะหาเงินมาซ่อมรถเองอีกหรือไม่



สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องของเขาเสพยาจนทำให้สติไม่ดีและในเมื่อตำรวจใช้กฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้ตนหรือประชาชนก็ต้องทำใจกับคนพวกนี้ใช่ไหม