สังคม

จับ ‘ตะวัน-แฟรงค์’ ฟัน ม.116-พ.ร.บ.คอมพ์ ย้ำไม่รู้เป็นขบวนเสด็จ ไม่ได้ขัดขวาง ขอโทษขับรถหวาดเสียว

โดย petchpawee_k

14 ก.พ. 2567

68 views

ตร.ขอศาลออกหมายจับ “ตะวัน-แฟรงค์” บีบแตรขวางขบวนเสด็จ หลังพิจารณาแล้วไม่มีเหตุอันควรที่จะอ้างว่าติดเรียน - ก่อนศาลออกหมายจับ ความผิดตาม ม. 116 - พรบ.คอมพิวเตอร์ 


ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.67) กรณีตำรวจออกหมายเรียก นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน ทะลุวัง และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร 2 นักกิจกรรม หลังจากมีพฤติกรรมพยายามขับรถแซงขบวนเสด็จ ในขณะที่ขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน พร้อมบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จผ่านและใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา บนทางด่วนย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต่อมาทนายความได้ยื่นขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นวันที่ 20 ก.พ. 67   โดยอ้างว่าติดภารกิจเรื่องการเรียน


โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ รอง ผบช.น เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เรียก นางสาวทานตะวัน และชายอีกราย มารับทราบข้อหา และสอบปากคำในคดีรบกวนขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 แต่ทั้งสองขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 20 ก.พ.นั้น คดีนี้ คณะพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ประชุมหารือ พร้อมสอบถ้อยคำพยานและผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง กระทั่งมีมติว่า ไม่มีเหตุอันควร ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง ขอเลื่อนพบพนักงานสอบสวน จากที่ทั้งสองขอเลื่อนโดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจเรื่องเรียน ไม่สามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนได้ตามกำหนดนัด แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ทั้งสองยังสามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนได้หลังเลิกเรียน เหตุผลจึงฟังไม่ขึ้น


โดยพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นต่อศาลอนุมัติหมายจับแล้ว โดยศาลนัดพิจารณาวันเดียวกัน เวลา 13.00 น.


ก่อนที่ในเวลาประมาณ 15.00 น. พบว่า ศาลออกหมายจับทั้ง 2 คน ดังนี้ นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน“ ใน 3 ข้อหา คือ ความผิดตาม พรบ.คอมฯ มาตรา 116 ยุยง ปลุกปั่น และก่อความร้อนรำคาญในที่สาธารณะฯ

ส่วนนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ “แฟรงค์“ โดน 5 ข้อหา คือ มาตรา 116  /พรบ.คอมฯ / ดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ /บีบแตรฯ โดยไม่มีเหตุอันควร ตาม พรบ.จราจร /และก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ


นอกจากนี้ ยังพบว่า 3 สน.ประกอบด้วย สน.ปทุมวัน นางเลิ้ง และ สำราญราษฎร์ ได้ทำเรื่องเสนออัยการไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ยื่นต่อศาลให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, คดีบุกรุก, ขัดขวางเจ้าพนักงาน ภายหลังแสดงออกกับขบวนเสด็จฯ บนทางด่วน หลังจากนี้ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลในการพิจารณาเพิกถอนการประกันตัวของผู้ต้องหาหรือไม่


ด้าน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เปิดเผย ภายหลัง จากนำพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อขออำนาจศาลอาญา ในการออกหมายจับนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน“ และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ “แฟรงค์“ กรณีมีพฤติกรรมพยายามก่อกวนและใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่อารักขาความปลอดภัย ว่า พนักงานสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับมาตรา 116 ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน จนมั่นใจว่าจะมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะขออำนาจศาลในการออกหมายจับได้เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.67)


พล.ต.ต.อัฏธพร บอกอีกว่า การสืบพยานหลักฐานในครั้งนี้ผู้พิพากษามีกระบวนการที่เข้มข้นโดยเรียกตนไปไต่สวนเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง  ซึ่งภายหลังจากการไต่สวนเสร็จ ตนก็ได้ลุกออกมาทันที โดยได้ให้ ผกก.สน.ดินแดง รอฟังผล เนื่องจากตนมีภารกิจที่จะต้องไปที่ทำเนียบรัฐบาลต่อ แต่นำเรียนว่า การดำเนินการทั้งหมด ทางนครบาลโดยเฉพาะ น. 1 มีความรอบคอบที่สุด และตนได้สั่งให้ชุดสืบสวนของ บช.น. รวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่าง ทั้งพยานที่เป็นสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ จนมีพยานหลักฐานที่เพียงพอ จึงได้นำมาเสนอศาลซึ่งมีเอกสารกว่า 100 แผ่น ซึ่งผู้พิพากษาได้สอบถามที่มา ที่ไปอย่างละเอียดสำหรับความผิดเบื้องต้นที่เราขอศาล คือ มาตรา 116 ซึ่งเป็นข้อหาที่ต้องนำสืบให้เข้าองค์ประกอบให้ได้ และพ.ร.บคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับความมั่นคง ส่วนเรื่องอื่นๆก็ต้องรอดูว่าทางผู้พิพากษาจะว่าอย่างไรบ้าง


ส่วนประเด็นพื้นที่ของศาลตำรวจหรือเจ้าพนักงานสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้หรือไม่นั้น // เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ทางเจ้าพนักงาน ที่ได้มอบหมายให้สืบนครบาล 1 ดำเนินการต่อ ซึ่งต้องใช้เวลานิดหน่อย แต่ขอให้มั่นใจในพยานหลักฐาน เพราะคดีนี้ไต่สวนนานถึง 2 ชั่วโมง โดยมีพนักงานสอบสวนนำสืบถึง 6 คน ใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานกว่า 7 วันในทุกๆมิติ  ก่อนจะยืนยันว่าไม่ได้มีการยัดข้อหาแต่อย่างใด

------------------------------------

'ตะวัน' ปรากฎตัว ศาลอาญา ให้กำลังใจนักข่าวประชาไท-ช่างภาพอิสระ ลั่นไม่กลัวหมายจับ ถ้าจะจับให้มาจับที่ศาลได้เลย ยืนยันไม่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง บอกคนไทยกำลังตกเป็นเหยื่อไอโอภาครัฐ 


หลังจากตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน ทะลุวัง นักกิจกรรม ในคดีป่วนขบวนเสด็จหลังเห็นว่า ไม่มีเหตุเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ซึ่งศาลจะมีการพิจารณาในช่วงบ่าย


โดยบรรยากาศที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ช่วงเช้าวานนี้ (13 ก.พ.67) พบว่า น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และและนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ “แฟรงค์“ เดินทางมาที่ศาลเพื่อให้กำลังใจนักข่าวประชาไท และช่างภาพอิสระ ที่พนักงานสอบสวนคุมตัวมาฝากขัง หลังถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหาสนับสนุนการทำให้โบราณสถานเสียหาย จากการลงพื้นที่ทำข่าวเหตุการณ์ที่รั้ววัดพระแก้ว วันที่ 28 มี.ค. 66


ซึ่งตลอดช่วงสาย นางสาวทานตะวัน อยู่ที่ศาลอาญา จะนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่บริเวณบันไดศาล และบริเวณริมขอบถนนทางเดินของศาลโดยมีมวลชนที่สนับสนุนนางสาวทานตะวันมา กอดปลอบให้กำลังใจ ซึ่งนางสาวทานตะวัน มีสีหน้านิ่ง ค่อนข้างเคร่งเครียด และรวมตัวอยู่กับกลุ่มเพื่อนตลอดเวลา


นอกจากนี้ยังพบว่า นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ นักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับในคดีทำให้โบราณสถานเสียหาย ของ สน.พระราชวัง ก็มานั่งรวมอยู่ในกลุ่มด้วยเช่นกัน


ซึ่งช่วงหนึ่ง นายนภสินธุ์ ตะโกนออกมาขณะที่นั่งอยู่บริเวณหน้าศาล ว่า “จะจับก็มาเลยพี่ พวกผมไม่ได้หนี และมาแสดงตัวให้เห็นแล้วที่ศาล”


จากนั้นนายนภสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจมาแสดงตัวตามหมายจับ ไม่มีความกังวลอะไร และไม่ได้หนีไปไหน และตนเองเพิ่งได้รับแจ้งจากทนายความว่า ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นที่บ้านของตนเอง และบ้านของญาติด้วย


ขณะที่นางสาวทานตะวัน กล่าวว่า ตนตั้งใจเดินทางมาให้กำลังใจเพื่อนนักข่าวที่ถูกจับกุม และเพิ่งมาทราบว่า ตนเองก็กำลังจะมีหมายจับ ดังนั้น ก็จะไม่หนี ไม่กลัว หากจะจับก็มาที่ศาลอาญารัชดาได้เลย จะรออยู่ที่นี่


พร้อมบอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ มีการออกหมายเรียกแค่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ เป็นความผิดลหุโทษ จ่ายค่าปรับก็จบ แต่วันนี้ไม่ทราบว่าจะมีการยัดข้อหาอะไรให้ตนเองบ้าง รวมถึงไม่ทราบว่าจะมีหมายจับกี่ใบ  ส่วนประเด็นที่จะมีการเพิกถอนการประกันตัวของ 3 สน.นั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกระทันหัน ยังไม่ทันตั้งตัว และไม่ได้คิดว่าจะสู้ต่อไปอย่างไร แต่ยืนยันว่าจะสู้ต่อไปแน่นอน

นางสาวทานตะวัน ยังบอกอีกว่า กรณีที่มีความพยายามที่จะปลุกปั่นว่ามีคนอยู่เบื้องหลังปลุกเยาวชน ซึ่งตนเองยืนยันว่า ไม่มีใครและกลุ่มใดอยู่เบื้องหลังใดๆทั้งสิ้น เพราะพวกตนเองมีแต่อุดมการณ์ และออกมาด้วยใจล้วนๆ เพื่อเป็นการตั้งคำถามในการยืนยันสิทธิและเสรีภาพ  และมองว่าปัจจุบันคนไทยกำลังตกเป็นเหยื่อไอโอจากภาครัฐ ส่วนที่มีการพยายามโยงพรรคการเมืองมาถึงกลุ่มพวกตนเองนั้น ยืนยันว่าไม่มีพรรคการเมืองใดๆเช่นเดียวกัน


ส่วนมองอย่างไรบ้างที่เหมือนมีการพยายามปลุกปั่นฝั่งขวาขึ้นมาหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ได้กังวล และไม่ได้กลัวอะไร เพราะยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ขออย่าถอยหลังกลับไปในปี2519 และขออย่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการไอโอ

--------------------------------

“ตะวัน” ย้ำ ไม่รู้เป็นขบวนเสด็จและไม่ได้ขัดขวางยอมรับและขอโทษประเด็นขับรถหวาดเสียว ส่วนเรื่องตั้งคำถามตนยันเป็นสิทธิและเสรีภาพ 


กรณีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ขับรถบนทางด่วนและมีการบีบแตร ผู้สื่อข่าวถามน.ส.ทานตะวันว่า ทราบหรือไม่ว่าเป็นขบวนเสด็จ กรมสมเด็จพระเทพฯ นางสาวทานตะวัน หรือตะวัน ยืนยันว่า ไม่รู้จริงๆ ตนเองเดินทางกลับจากงานศพ แล้วจะไปทำธุระที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยไม่รู้ว่าจะมีขบวนเสด็จ หรือ ขบวนของใคร โดยในวันดังกล่าว ตนเองเห็นเป็นขบวนเสด็จผ่านไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นขบวนเสด็จของใคร  เพียงแต่ต้องการไปถึงจุดหมายเท่านั้น พร้อมย้ำว่าไม่ได้มีการขวาง และปาดหน้าขบวนใดๆ แต่ยอมรับว่าตนเองขับรถประมาทไม่ระมัดระวังก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนคนอื่นได้


เมื่อถามว่าในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกหรือไม่ น.ส.ทานตะวัน ชี้แจงว่า “การแซงขบวน การปาดหน้าขบวนตามที่เป็นข่าวไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้แซงขบวน ไม่ได้ปาดหน้าขบวน ไม่ได้แทรกขบวน แต่หนูต้องไปตามทางที่จะไป เพื่อจะไปจุดมุ่งคืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สิ่งที่หนูทำวันนั้นจริงๆคือมีเพียงการถามตำรวจตามที่ไลฟ์ไปเพียงเท่านั้น ถ้าคุณจะบอกว่าการตั้งคำถามคือความผิด มันผิดกฎหมายอย่างไร หนูเพียงถามว่า “ทำไมถึงมีรถคันไหน ไปได้สะดวกกว่ารถของประชาชน” ยืนยันว่าเป็นการตั้งคำถามเท่านั้น


น.ส.ทานตะวัน ยอมรับว่า เสียใจกับเรื่องที่ขับรถไม่ระมัดระวังในวันดังกล่าว พร้อมขอโทษและน้อมรับ แต่ในเรื่องของการตั้งคำถามตนยืนยันว่าเป็นสิทธิและเสรีภาพในการตั้งคำถาม ที่ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถสอบถามได้


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/7nFgo_EolSg

คุณอาจสนใจ

Related News