หนุ่มร้องสอบบ้านพักคนชรา ปล่อยผู้สูงอายุ นอนจมกองอุจจาระ-มัดเชือกติดเตียง

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ส่งเรื่องราวมาร้องเรียนขอให้ตรวจสอบศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ย่านสวนหลวง  พร้อมระบุว่า อยากให้ช่วยตรวจสอบศูนย์ดังกล่าว และช่วยเหลือผู้สูงอายุ กว่า 10 ราย ที่อยู่ภายในศูนย์ เนื่องจากเห็นสภาพความเป็นอยู่พบว่าผู้สูงอายุบางราย ถูกมัดเชือกติดกับเตียง และถูกปล่อยทิ้งให้นอนจมกองอึกองฉี่ ดูสภาพความเป็นอยู่แล้วอาจจะไม่ถูกสุขลักษณะและเสี่ยงอันตราย ผู้สูงอายุบางคนเป็นแผลกดทับจนเน่า ก็ไม่ได้รับการดูแลและไม่พาไปส่งโรงพยาบาล

ทีมข่าวช่อง 3 ติดต่อหา คุณแมน หนึ่งในญาติของผู้สูงอายุ บอกว่าตนเองพาแม่อายุ 80 ปี มาอยู่ที่ศูนย์ดังกล่าวย่านสวนหลวง ตั้งแต่ปลายปี 2565 ยอมรับว่าที่พามาอยู่ศูนย์ เนื่องจากราคาถูก เดือนละ 14,500 บาท ถึง 18,000 บาท แล้วแต่การประเมินสภาพของผู้สูงอายุแต่ละราย ซึ่งแม่ของตนเองนั้นมีโรคประจำตัวต้องกินยาประจำทุกวันและป่วยติดเตียง ต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท ไม่รวมค่าแพมเพิร์ส ค่ายารักษาโรค

โดยตนเองรู้จักกับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งนี้ผ่านจากเพื่อนแนะนำมา และเข้าไปดูสถานที่จริงก่อนพาแม่ไปอยู่ ซึ่งตอนแรกอยู่ในหมู่บ้านหรูย่านบางนา สถานที่ใหญ่โตโอ่โถงสะอาดสะอ้านจัดเป็นสัดเป็นส่วน รองรับผู้สูงอายุได้ประมาณ 10-15 เตียง ดูแล้วได้มาตรฐานถูกสุขลักษณะ จึงตัดสินใจให้แม่มาอยู่ในความดูแลของศูนย์แห่งนี้

ปรากฏว่าอยู่ได้ประมาณเกือบปี ทางศูนย์ย้ายสถานที่มาเปิดอีกหมู่บ้านหนึ่ง ย่านสวนหลวง เป็นอาคารสีชมพู 3 ชั้น อ้างว่าสถานที่เก่าเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่ห้ามเปิด nursing Home หรือศูนย์ดูแลผู้ป่วยในลักษณะนี้

คุณแมน ก็ยอมให้แม่ตนเองย้ายมาอยู่สถานที่ใหม่ ซึ่งอยู่ได้ไม่กี่เดือนก็พบว่าเริ่มมีอะไรแปลกๆ พนักงานที่คอยดูแลผู้สูงอายุ แต่ก่อนจะเป็นคนไทยทั้งหมด และดูมี ความรู้มีทักษะด้านการดูแลผู้ป่วย แต่พักหลังเห็นว่าไล่พนักงานชุดเก่าออกหมด และใช้แรงงานต่างด้าวแทน

ซึ่งตนเองไปสืบทราบมาว่า ทางเจ้าของศูนย์ ค้างค่าจ้างพนักงานชุดเก่า 3-4 คน เกือบ 10 เดือน และทราบมาอีกว่าทางเจ้าของศูนย์มีการยืมเงินญาติของผู้สูงอายุหลายคนมาหมุนจ่ายเงินเดือนพนักงานก่อน หรือบางคนโดนออกอุบายว่า เป็นการจ่ายเงินค่าดูแลผู้สูงอายุล่วงหน้า ซึ่งตนเองก็โดนด้วย 2 แสนกว่าบาท ทำให้ทุกวันนี้ไม่สามารถพาแม่ออกมาได้

ระยะหลังมานี้ ตนเองเห็นว่า การดูแลและความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุของศูนย์ดังกล่าวยิ่งแย่ลงกว่าเดิม มีการปล่อยทิ้งให้นอนจมกองอึกองฉี่ ใช้เชือกมัดผู้สูงอายุจนเป็นแผล และปล่อยให้ผู้สูงอายุที่ติดเตียง นอนจนเป็นแผลกดทับเกือบเน่า โดยไม่มีพยาบาลดูแลและไม่พาไปส่งโรงพยาบาล มีเพียงชายชาวไทยใหญ่ 2 คน ดูแลผู้สูงอายุตามมีตามเกิด

ตนเองจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาตรวจสอบถึงมาตรฐานของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุดังกล่าว เพราะตนเชื่อว่า น่าจะไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุดูแล้วไม่ถูกสุขลักษณะ และอาจจะมีการทำร้ายร่างกายผู้สูงอายุด้วยหรือไม่ เพราะผู้สูงอายุหลายรายมีรอยช้ำ เป็นจั้มๆเต็มตัว ที่ดูแล้วไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ

ขณะที่ทีมข่าวติดต่อป้าแม่บ้าน ที่เป็นอดีตพนักงานของศูนย์ผู้สูงอายุแห่งนี้ พบว่าทางเจ้าของศูนย์มีการค้างค่าจ้าง ไม่จ่ายเงินเดือนเป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน และยังมีการนำบัตรประชาชนของแม่บ้าน หลอกให้เซ็นเอกสาร สุดท้ายมาทราบว่าเป็นการเซ็นสัญญาเงินกู้หนี้นอกระบบ จนทำให้อดีตพนักงานเป็นหนี้สิน ถูกทวงหนี้จากแก๊งหมวกกันน็อก จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนและออกจากงานโดยปริยาย ส่วนค่าจ้างที่ค้างอยู่กว่า 8 เดือน ทางเจ้าของศูนย์ก็เงียบหาย

อดีตพนักงานของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งนี้อีกราย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองก็ไม่ได้รับค่าจ้างเป็นระยะเวลา 7 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการขอใช้ชื่อตนเองไปออกรถจักรยานยนต์ด้วย จากนั้นก็นำรถจักรยานยนต์ไปขาย ทำให้ตนเองเป็นหนี้สินถูกทวงค่างวดอยู่ทุกเดือน และวันสุดท้ายที่เข้าไปทวงถามเงินเดือน ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกับทางเจ้าของศูนย์ และทางเจ้าของศูนย์มีการปาโทรศัพท์มือถือของตนเองจนพังเสียหาย และที่เจ็บใจกว่านั้น หลังจากตนเองออกจากศูนย์ดังกล่าว ทางเจ้าของศูนย์ไปปล่อยข่าวพูดกับคนนั้นคนนี้ว่า ตนเองยักยอกเงินจากญาติผู้สูงอายุไป 5 แสนกว่าบาท ซึ่งตนเองกล้ายืนยันเลยว่าไม่เคยเอาเงินจากญาติผู้สูงอายุแม้แต่บาทเดียว