ร้อง "สายไหมต้องรอด" ช่วยคดีเหยื่อเมาแล้วขับรถพุ่งชน ภรรยาเสียชีวิต ไร้เยียววยา

นายลุ อายุ 35 ปี ผู้บาดเจ็บ พร้อมครอบครัวภรรยาเข้าร้องทุกข์กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังตกเป็นเหยื่อถูกผู้ก่อเหตุเมาแล้วขับรถยนต์พุ่งชนตนเอง และภรรยาที่ขี่รถจักรยานยนต์กำลังไปซื้อของที่ตลาด ซอยรามอินทรา 8 บริเวณหน้าวัดไตรรัตนาราม จนตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนแฟนสาวเสียชีวิต แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า และตำรวจสน.บางเขนยังให้ประกันตัวคู่กรณีในชั้นสอบสวน


นายลุ ระบุว่า ช่วงเย็นของวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนเองกำลังขี่รถจักรยายนต์ โดยมีนางสาวไพรินทร์ อายุ 41 ปี ภรรยาซ้อนท้าย เพื่อไปซื้อของให้พ่อ แต่จู่ ๆ ก็ถูกคู่กรณี คือนายสมควร อายุ 40 ปี ขับรถยนต์พุ่งเข้าชนจนกระเด็น และสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะแตก ขาขวาหักผิดรูปจนกระดูกหัวเข่าโผล่ ต้องผ่าตัดใส่เหล็ก และทำกายภาพบำบัด ส่วนขาซ้ายกระดูกนิ้วหัก ส่วนภรรยานอนโคม่าอยู่ 2-3 วันก็เสียชีวิต อยากให้ผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำ เพราะแม้แต่ค่ารักษาพยาบาล 37,000 บาท ตนเองก็ต้องออกเอง และไม่เคยติดต่อผู้ก่อเหตุได้เลย


นายลุ ยังระบุอีกว่า มีลูกกับภรรยา 1 คน อายุ 14 ปี ที่ต้องเลี้ยงดู เงินค่าจัดงานศพภรรยาก็ไม่มีจนต้องนำทอง 5 บาทที่ซื้อเก็บไว้ให้ลูกไปจำนำ เพื่อนำเงินสดไปจัดงานศพ


ด้านนายคเณศ ญาติผู้บาดเจ็บ ยังระบุอีกว่า จากการสอบถามพ่อค้าบริเวณจุดเกิดเหตุทราบว่า หลังขับชนนายพรศักดิ์ และภรรยาแล้ว ผู้ก่อเหตุยังขับชนกวาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดบริเวณนั้นไปอีก 3-4 คัน และมีผู้บาดเจ็บรายอื่นด้วยอีก 1-2 คน รวมถึงร้านค้าอีก 3-4 แผง พ่อค้าเห็นว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการมึนเมาอยู่แล้ว และยังไปจอดซื้อยาดอง ซื้อเสร็จก็เหยียบคันเร่งขับรถอย่างไวเข้ามาในซอย จนเกิดอุบัติเหตุและยังพูดจาไม่ดี ทำตัวกร่าง จนพ่อค้าแม่บริเวณนั้นไม่พอใจรุมประชาทัณฑ์ ก่อนนำส่งตำรวจ เป่าวัดระดับแอลกอฮอล์พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 296 มิลลิกรัมอีกทั้งรถผู้ก่อเหตุก็ไม่มีประกัน และพ.ร.บ.



ขณะที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนไปแล้ว และตำรวจก็ไม่เคยเรียกผู้บาดเจ็บไปสอบถามเลยสักครั้ง ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ต้องหาเอง



ด้านนายเอกภพ ระบุว่า หลังจากนี้จะประสานไปยัง ผู้กำกับ สน.บางเขน ให้เเจ้งข้อหาให้รุนแรงที่สุด เพราะผู้ก่อเหตุไม่มีความสำนึกผิด ไม่รับผิดชอบเยียวยาหรือให้ความช่วยเหลือใด ๆ พร้อมอยากถามหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อเมาแล้วขับอย่างไร ตนเองไม่เคยเห็นเหยื่อเหล่านี้ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะพาผู้เสียหายและครอบครัวไปยื่นเรื่องขอรับการคุ้มครองสิทธิ จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมต่อไป



ด้านพันตำรวจเอกอนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการสน.บางเขน ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ว่า ในเบื้องต้นหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ และผู้ก่อเหตุไว้ แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นฐานเมาแล้วขับ และข้อหาขับรถโดยประมาทแล้ว ต่อมาพบว่าหนึ่งในผู้เสียหายเสียชีวิต จึงได้เรียกผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ไปเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา และหลังจากนี้จะเรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาเจรจาเยียวยา พร้อมยืนยันว่าเรื่องไม่ได้เงียบหาย และพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย